นางฮิลลารี คลินตัน วัย 68 ปี พร้อมด้วยอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน สามี เดินทางมาพบปะผู้สนับสนุนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทันทีหลังเสร็จศึกโต้อภิปราย หรือ ดีเบต นัดแรกกับนายโดนัลด์ ทรัมพ์ คู่แข่งฝีปากกล้า จากพรรครีพับลิกัน และแสดงวิสัยทัศน์ได้เหนือชั้นกว่าทรัมพ์ ท่ามกลางเสียงเชียร์ให้กำลังใจจากผู้สนับสนุน
ขณะที่สื่อยักษ์ใหญ่ต่างชี้ว่า นางคลินตันแสดงวิสัยทัศน์ที่เหนือกว่าทรัมพ์อยู่หลายขุม โดยผลการสำรวจของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นร่วมกับโออาร์ซีปรากฎว่า ผู้ตอบแบบสำรวจให้นางฮิลลารีมีชัยเหนือทรัมพ์ ในศึกโต้อภิอปรายนัดแรก ด้วยคะแนนร้อยละ 62 ต่อ 27
หลังจากพบปะผู้สนับสนุนแล้ว นางคลินตันได้เดินทางไปหาเสียงต่อที่รัฐนอร์ท แคโรไลนา และใช้โอกาสนี้กล่าวโจมตีทรัมพ์แบบไม่ให้ตั้งตัว ในประเด็นที่เป็นจุดอ่อนโดยเฉพาะเรื่องภาษี ที่ทรัมพ์ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลภาษีของตัวเอง นอกจากนี้นางคลินตัน ยังเหน็บทรัมพ์ที่บ่นระหว่างการดีเบตว่าได้ไมโครโฟนไม่ดี
โดยเธอบอกว่าใครที่บ่นเรื่องไมโครโฟนจะไม่มีคืนที่แสนสุขอย่างแน่นอน นางคลินตันบอกอีกว่า เธอรู้สึกดีมากหลังการดีเบตนัดแรก และตั้งตารอการดีเบตอีก 2 นัดที่เหลือ โดยนัดที่ 2 จะมีขึ้นในวันที่ 9 ตุลาคม ที่รัฐมิสซูรี
ก่อนหน้าการดีเบต นางคลินตันตกอยู่ภายใต้ความกดดันที่บีบให้ต้องทำให้ดีกว่าทรัมพ์หลังจากประสบปัญหาด้านสุขภาพเมื่อเร็วๆ นี้ และคะแนนนิยมที่ถดถอย ทำให้ทรัมพ์ตีตื้นขึ้นมาเบียดแบบสูสี โดยหนึ่งในประเด็นที่นางคลินตันเจาะทะลวงจุดอ่อนของทรัมพ์ได้แบบตรงจุด คือเรื่องสตรีและถ้อยคำในการแสดงวิสัยทัศน์ ในเรื่องนี้ถูกออกแบบมาเพื่อดึงคะแนนจากกลุ่มสตรี ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมพ์ วัย 70 ปี ยังคงคุยโวระหว่างการปรากฏตัวในเมืองไมอามี เพื่อกล่าวสรุปการดีเบตนัดแรกโดยบอกว่าเป็นค่ำคืนที่น่าสนใจ คิดว่าตัวเองทำได้ดีมากและเป็นผู้ชนะในผลโพลส่วนใหญ่ที่ออกมาหลังการดีเบต
โดยทรัมพ์ได้อ้างผลโพลของหลายสำนัก รวมทั้งของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสและนิตยสารไทม์ ทั้งๆที่ผู้ลงคะแนนหรือแม้แต่ผู้นำส่วนใหญ่ของพรรครีพับลิกันชี้ว่า นางคลินตันทำได้ดีกว่าก็ตาม ขณะที่ผู้บริหารของซีบีเอสระบุทางทวิตเตอร์ว่า สถานีไม่ได้ทำผลโพล หลังการดีเบตตามที่ทรัมพ์กล่าวอ้าง