ชง ครม.อัดฉีดเงินประชารัฐ ทุ่ม 2 หมื่นล้าน ตั้งกองทุนดัน SME

เศรษฐกิจ
17 ม.ค. 60
08:11
447
Logo Thai PBS
ชง ครม.อัดฉีดเงินประชารัฐ ทุ่ม 2 หมื่นล้าน ตั้งกองทุนดัน SME
กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาจัดตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี วงเงิน 20,000 ล้านบาท พร้อมสนับสนุนมนุษย์เงินเดือนในกรุงเทพฯ ย้ายกลับถิ่นกำเนิดทำธุรกิจในท้องถิ่น ลดปัญหาการอพยพเข้าเมือง และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์สนับสนุนธุรกิจกลุ่มจังหวัดตามแนวประชารัฐ

ในการประชุมหารือแนวทางการบูรณาการการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วานนี้ (16 ม.ค.2560) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลกำลังปรับนโยบายกระจายงบประมาณ โดยให้ความสำคัญกับงบกลุ่มจังหวัดมากขึ้นจึงจำเป็นต้องอาศัยกลไกธนาคารของรัฐ ทั้งธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยหรือเอสเอ็มอีแบงก์ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยในท้องถิ่น ยกระดับการพัฒนาให้เกิดความเข้มแข็ง โดยระหว่างนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมออกแบบโครงสร้างการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี วงเงิน 20,000 ล้านบาท และธนาคารแต่ละแห่งหาแนวทางสนับสนุนให้สอดคล้องตามพันธกิจ พร้อมกับ เชื่อมโยงสถาบันการศึกษาในจังหวัด รวมทั้งสนับสนุนมนุษย์เงินเดือนในกรุงเทพฯ ขอสินเชื่อโครงการคืนถิ่นของธนาคารรัฐเพื่อกลับไปตั้งตัวเป็นเจ้าของธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเกษตรแปรรูป ภาคบริการในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว และการขนส่ง

"ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่พร้อมที่สุด เราอยากจะให้เกิดความตื่นตัวทั้งประเทศ ธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทย จะเริ่มแคมเปญใหม่ เช่น ถ้าบอกว่ากลุ่มจังหวัดกำลังเกิด งบประมาณในการท่องเที่ยวมา เราอยากจะชักชวนให้คนในกลุ่มจังหวัดนี้คืนถิ่น ไปทำการค้าขายที่นั่น จบเล่าเรียนแล้ว ไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯ จังหวัดท่องเที่ยวที่เปิดใหม่ทั้งหลายมีโอกาสมหาศาล ให้ไปดูลู่ทางในการค้าขายทำธุรกิจ แล้วคิดถึงแบงก์รัฐ เอสเอ็มอีแบงก์ช่วยท่านแน่นอน ไม่รับท่าน ท่านฟ้องรัฐมนตรีคลังได้เลย เช่นนี้จะทำให้เดินหน้าไปได้ คนไม่ต้องอพยพเข้าสู่ส่วนกลาง"

ด้านนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรีจัดตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี วงเงิน 20,000 ล้านบาท โดยสถาบันการเงินแต่ละแห่งจะออกแบบแพ็กเกจสนับสนุนเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเริ่มทำธุรกิจใหม่ กลุ่มเอสเอ็มอี 4.0 และกลุ่มที่มีประสิทธิภาพ แต่ประสบปัญหาและไม่เป็นหนี้เสีย โดยเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการปรับโครงสร้างเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ ภาคตะวันออกหรืออีอีซี S- Curve และประเทศไทย 4.0

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารเตรียมวงเงินสนับสนุนสำหรับดำเนินโครงการดังกล่าว 15,000 ล้านบาท คาดว่ากองทุนดังกล่าวจะสามารถใช้ได้ ประมาณ 2 เดือนข้างหน้า หลังผ่านความเห็นชอบคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะใช้งบประมาณจากงบกลางปี จากนั้นจะมีกระบวนการรับฟังความเห็นในกลุ่มจังหวัด เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมตามแนวประชารัฐ

มีรายงานว่ากระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาจัดตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี วงเงิน 20,000 ล้านบาท ในที่ประชุม ครม.วันนี้ (17 ม.ค.2560) 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง