โผล่อีกพยานครู “จอมทรัพย์” ยันคนขับรถเป็นผู้ชาย

อาชญากรรม
19 ม.ค. 60
19:57
7,981
Logo Thai PBS
โผล่อีกพยานครู “จอมทรัพย์” ยันคนขับรถเป็นผู้ชาย
พยานคดี "ครูจอมทรัพย์" โผล่อีกราย ยันคนขับเป็นผู้ชายขับรถชนตาย ขณะที่ยังมีบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าของรถกระบะ ทะเบียนมุกดาหารตัวจริง อ้างซื้อตั้งแต่ปี 47 หรือก่อนเกิดเหตุการณ์ที่นครพนม 1 ปี

ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครู จ.สกลนคร ผู้ต้องหาในคดีขับรถชนคนเสียชีวิต และถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ภายหลังได้รับการอภัยโทษออกมา ได้มีการร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม โดยอ้างว่าตกเป็นแพะในคดีดังกล่าว จนศาลมีคำสั่งรื้อคดีใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(19ม.ค.2560) มีพยานอีกคนที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกวันนี้ เธออ้างว่าซ้อนมอเตอร์ไซต์ตามหลังมา เห็นผู้ชายเป็นคนขับรถ

นางทองเรศ วงศ์ศรีชา ชาวบ้านนาคู่ อ.นาแก จ.นครพนม หนึ่งในพยานที่อ้างว่าซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไป พร้อมกับนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ พยานที่เห็นเหตุการณ์อุบัติเหตุรถกระบะชนรถจักรยานของนายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิต บริเวณถนนสายธาตุน้อย-นาเหนือ อ.เรณูนคร เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2548

ซึ่งนางทองเรศ เล่าว่า ตัวเองและนางทัศนีย์ได้ให้การต่อศาลว่า ลักษณะของคนขับรถกระบะที่ลงมาดูนายเหลือ เป็นผู้ชาย มีลักษณะท้วม สวมรองเท้าหนัง และเสื้อแขนยาวสีดำ เดินลงมาดูนายเหลือ คนถูกรถชนแล้วจึงเดินขึ้นรถเร่งเครื่องขับหลบหนีไป แต่นางทองเรศ ไม่สามารถจำทะเบียนรถได้ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีใครว่าจ้างให้เป็นพยานเพื่อพูดช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ส่วนความคืบหน้าการรวบรวมพยานหลักฐานของคณะทำงานชุดสืบสวนคดีนี้ โดยเฉพาะ รถกระบะทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ที่นางจอมทรัพย์ อดีตผู้ต้องโทษอ้างว่า เป็นรถที่นายสับ วาปี ขับรถชนนายเหลือตัวจริงนั้น เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า รถกระบะคันดังกล่าวเป็นของนายสับจริง แต่ขายให้กับนายอุบล ไชยบัน ชาวบ้านแก้ง ต.คำป่าหลาย อ.เมืองมุกดาหาร ตั้งแต่ปี 2547

นายอุบล ยืนยันว่า ได้ซื้อรถกระบะสีเขียว ทะเบียน 56 มุกดาหาร จากนายรัน ผู้ใหญ่บ้าน บ้านนันทวัน หมู่ 6 ต.กุดแข้ อ.เมืองมุกดาหาร ซึ่งเป็นบ้านเดียวกันกับนาย สับ วาปี มาเมื่อปี 2547 ในราคา 33,000 บาท เพื่อนำมาใช้ขนพืชผลทางการเกษตร และได้มาเสียภาษีประจำปีเพื่อต่อทะเบียน ปี 2548 และได้ขายเป็นเศษเหล็กไปปลายปี 2551 ในราคา 15,000 บาท

พร้อมทั้งเอกสารที่ได้มาพร้อมกับรถ เนื่องจากรถอยู่ในสภาพเก่าและไม่สามารถใช้งานได้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่รถคันนี้จะไปเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากตัวเองไม่เคยขับไปต่างจังหวัด และไม่เคยให้ใครยืมรถไปขับอย่างแน่นอน

นายอุบล ไชยบัน ผู้ที่อ้างว่าครอบครองรถทะเบียน บค 56 มุกดาหาร เล่าว่า เมื่อหลายปีก่อน เคยมีผู้มาติดต่อขอซื้อรถยนต์กระบะคันนี้ โดยบอกว่าอยากช่วยเพื่อนที่ถูกจับ แต่ปฏิเสธไปเนื่องจากได้ขายรถไปแล้ว และไม่เหลือหลักฐานใดๆ เกี่ยวกับรถกระบะคันนี้เลย

ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และหากพบหลักฐานชัดเจนว่าตำรวจบกพร่องต่อการทำสำนวน จะต้องถูกลงโทษทางวินัย แต่หากตำรวจไม่ผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติอาจพิจารณาดำเนินคดีฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย หากพบว่ามีผู้สนับสนุนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องลักษณะทำเป็นขบวนการให้ข้อมูลเท็จกับเจ้าหน้าที่ และส่งผลให้ได้รับความเสียหาย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง