ไทยพีบีเอส ตรวจสอบขบวนการรับจ้างติดคุกในจังหวัดมุกดาหาร พบว่า มี 4 ถึง 5 กลุ่ม แต่มี 2 กลุ่มใหญ่คือกลุ่มตำบลบางทรายน้อย และกลุ่มอำเภอคำชะอี ซึ่งจะรับงานเฉพาะคดีไม้พะยูง ที่มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี รับจ้างในราคา 50,000- 100,000บาท แต่ภายหลังกลุ่มนี้ก็รับจ้างในคดีอื่น ทั้งคดีครอบครองอาวุธและยาเสพติด ซึ่งข้อตกลงจะจ่ายเงินให้ครึ่งหนึ่งก่อน และ ทยอยจ่ายระหว่างติดคุกจนครบจำนวน
โดยโรงงานแปรรูปไม้แห่งนี้ถูกจับกุมเมื่อ 2 ปี ซึ่งในระหว่างจับกุมสามารถยึดไม้ของกลางได้กว่า 800 ท่อน และในจำนวนมีไม้พะยูงรวมอยู่ด้วย แต่ไม่มีผู้แสดงตัวเป็นเจ้าของ ต่อมามีชาวบ้านมามอบตัวและรับสารภาพ ก่อนถูกส่งฟ้องศาลพิพากษาจำคุกกว่า 4 ปีทำให้ภรรยาของเขาได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงยุติธรรม โดยอ้างว่า ได้รับว่าจ้างให้เป็นผู้กระทำผิดในคดีนี้แทน
พ.ต.อ.อัครชัย ยลโสภณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร บอกว่า ตอนนี้ยังต้องพิสูจน์ว่าคนนี้จะยอมรับจ้างติดคุกหรือไม่ และหากคิดแบบกลางๆ ใครจะมารับจ้างติดคุก และจริงหรือไม่ ยังต้องพิสูจน์
คดีนี้มีชื่อดาบตำรวจเป็นเจ้าของบ้าน แต่ผู้ต้องหา อ้างว่า เป็นผู้เช่าบ้านเพื่อทำโรงงานแปรรูปไม้ และรับสารภาพเป็นผู้กระทำผิดตัวจริง ก่อนจะถูกส่งฟ้องศาลและถูกพิพากษาจำคุก 4 ปี 3 เดือน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างอุทธรณ์คดี แต่ภรรยาผู้ต้องหาต้องการให้รื้อฟื้นคดี โดยอ้างว่าสามีได้รับว่าจ้างให้รับผิดแทนในราคา 200,000บาท
หนึ่งในขบวนการรับจ้างติดคุก จ.มุกดาหาร บอกถึงขั้นตอนการว่าจ้าง จะเริ่มจากผู้ประสานงานรับงาน และจ่ายงานให้กับลูกน้องในเครือข่ายโดยถามความสมัครใจ และนัดหมายให้ผู้รับงานและผู้จ้างว่าตกลงกันเอง ซึ่งบางคนรับงานถึง 3 ครั้งในรอบ 2 ปี แต่ที่ผ่านมาก็พบผู้ว่าจ้างไม่จ่ายเงินตามข้อตกลงทำให้ขบวนการนี้ต้องระวังตัวในการรับงาน
เขา ยอมรับว่าการทำงานแบบนี้ เสี่ยงกับการเบี้ยวเงินค่าจ้างและบางทีก็อาจจะได้เงินแค่ตอนเข้าไปติดคุก
เขา ยอมรับว่า รู้จักหนึ่งในกลุ่มเพื่อนครูคดีขับรถ โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายของนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ที่อยู่ระหว่างนัดไต่สวนพยานเพื่อรื้อฟื้นคดี เนื่องจากเคยถูกจำคุกในคดีขนไม้พะยูงเมื่อหลายปีก่อนแต่ยังไม่ปักใจเชื่อถึงการว่าจ้างให้คนอื่นรับผิดแทนในคดี เพราะส่วนใหญ่จะไม่รับงานนอกพื้นที่ แต่หากเป็นเรื่องบุญคุณ หรือ มูลเหตุจูงใจสำคัญอย่างอื่นก็เชื่ออาจเป็นไปได้