ตร.พบรถยนต์หรูลัมโบกินีสวมทะเบียน เร่งหาเบาะแสเชื่อม "ไซซะนะ"

อาชญากรรม
3 ก.พ. 60
18:22
394
Logo Thai PBS
ตร.พบรถยนต์หรูลัมโบกินีสวมทะเบียน เร่งหาเบาะแสเชื่อม "ไซซะนะ"
ตำรวจพบรถยนต์หรูลัมโบกินีที่อยู่ในความครอบครองของเบนซ์ เรซซิ่ง มีการสวมทะเบียน โดยในช่วงที่ผ่านมา มีข้อมูลว่าเขาประกาศขายรถยนต์หรูและบิ๊กไบค์หลายคัน จากทรัพย์สินและเอกสารหลักฐานทำให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกับบุคคลหลายกลุ่ม และมีผู้ที่อยู่เหนือกว่านายไซซะนะ

วันนี้ (3 ก.พ.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทะเบียน กจ 51 กรุงเทพมหานคร ถูกนำมาใช้เป็นทะเบียนของรถยนต์หรูยี่ห้อลัมโบกินี รุ่นกาลาโด้ ของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง หากไม่มีการตรวจสอบ ทะเบียนที่ติดอยู่บนรถยนต์คันนี้ก็ไม่น่าจะพบสิ่งผิดปกติ แต่เมื่อตรวจสอบการจดทะเบียนของรถคันนี้จากกรมการขนส่งทางบก ตำรวจพบว่าเป็นทะเบียนของรถยี่ห้อโฟลคสวาเก้น สีขาว ซึ่งผู้ครอบครองเป็นของผู้หญิงคนหนึ่งที่พักอาศัยอยู่ใน จ.ลำพูน ทำให้ตำรวจเชื่อว่าเป็นรถที่สวมทะเบียนรถยนต์หรูของนายอัครกิตติ์

เบื้องต้นตรวจสอบพบอยู่ 2 คัน คันแรกยี่ห้อนิสสัน รุ่นสกายไลน์ จีทีอาร์ อาร์35 ที่ก่อนหน้านี้ติดป้ายทะเบียนแดง หมายเลข ต 5555 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นป้ายเลขหมายเดียวกันกับที่ติดรถยี่ห้อลัมโบกินนี่ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นป้ายขาวเป็น กจ 51 กรุงเทพมหานคร แต่เมื่อตรวจสอบหลังจากเปลี่ยนเป็นป้ายขาวของรถทั้ง 2 คัน พบว่าใช้ป้ายทะเบียนหมวดอักษร และเลข ตัวเดียวกัน คือ กจ 51 กรุงเทพมหานคร นั่นหมายความว่ารถยนต์หรูทั้งสองคันนี้ มีการใช้ทะเบียนทั้งป้ายขาวและแดง เป็นป้ายเดียวกัน

และเมื่อวานนี้ที่ตำรวจตรวจสอบภายในโรงจอดรถใต้อพาร์ทเม้นท์ ซอยอินทามาระ 51 ก็พบป้ายแดงที่เคยติดรถคันนี้ทิ้งไว้อยู่ เมื่อตรวจสอบในเฟสบุ๊คส่วนตัวของนายอัครกิตติ์ พบว่าเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2559 มีการประกาศขายรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน คันดังกล่าว ในราคา 5 ล้าน 2 แสนบาท โดยให้เหตุผลว่าไม่มีที่จอดรถ เพราะมีรถยี่ห้อลัมโบกินนี่เพิ่มมาอีกคัน

พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า นายอัครกิตติ์ มักจะประกาศขายรถยนต์หรูผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวหลายครั้ง ซึ่งรถที่ขายไปก็อาจจะต้องนำมาตรวจสอบ ส่วนรถยนต์หรูและรถจักรยานยนต์ที่อยู่ในความครอบครองของนายอัครกิตติ์อีกหลายคันก็ต้องตรวจสอบเช่นกัน

สำหรับความเกี่ยวข้องระหว่างนายอัครกิตติ์กับนายไซซะนะ แก้วพิมพา เริ่มจากที่นายณัฐพล นาคคำ หรือ บอย ร่วมกันค้ายาเสพติดกับนายไซซะนะ และมีคู่ค้ายาเสพติดอีกคนที่ถูกจับได้เมื่อวานนี้ที่บ้านพักในจังหวัดนนทุบรี คือนายชัยวัฒน์ ชูสาย หรือ แป๊ะ และเมื่อได้เงินมาแล้ว ก็จะนำไปฟอกเงิน หรือนำทรัพย์สินมาฝากให้นายอัครกิตติ์ เพื่อนำไว้ใช้เองหรือขายต่อ เครือข่ายนี้ตำรวจยังพบว่ามีผู้ที่อยู่เหนือกว่านายไซซะนะ ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้น และหมายจับจากศาล และจะเปิดปฏิบัติการ ชัยยะ สยบไพรี 60/3 ภายในเดือนมีนาคมนี้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง