วันนี้(21มี.ค.2560)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในหน้าเพจ Facebook หลังจากมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการจากทีมสัตวแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า"เต่าออมสิน"ตายแล้ว มีการอัพเดทข้อมูลและแสดงความเสียใจ ภาพของทีมสัตว์แพทย์ รวมทั้งเต่าออมสิน พร้อมข้อความว่า"เศร้า..เต่าออมสิน ตายแล้ว" เพื่อแสดงความเสียใจ จำนวนมาก
ทั้งนี้จากการตรวจสอบ มีการแสดงความเห็นกรณีของเต่าออมสินว่า น่าจะเป็นบทเรียนของคนไทยต่อการมีค่านิยมผิดๆ และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่นการโยนเหรียญ และวัตถุแปลกปลอมให้สัตว์เหล่านี้
ขณะที่ น.ส.สุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) บอกว่าติดตามอาการของเต่าออมสิน และรู้สึกเสียดาย เพราะเต่าตนุ เป็นเต่าทะเล และเป็นสัตว์น้ำหายาก อายุของมันจะยืนยาวนับ 100ปี ถ้ามีชีวิตรอดอยู่ในธรรมชาติ กรณีที่เกิดขึ้น คาดว่าทางจุฬาฯ และกองทัพเรือ น่าจะมีการร่วมมือกันว่าจะเก็บซากเต่าออมสิน ไว้ในลักษณะไหน เพื่อให้เป็นการเตือนสติคนรุ่นหลัง
ข้อมูลจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ระบุว่าเต่าทะเลในประเทศไทยจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ปี 2535 แต่สถิติการลดลงของเต่าทะเลก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้มีสาเหตุหลักจากการติดเครื่องมือประมงโดยบังเอิญ ปัญหาการลักลอบเก็บไข่เต่า พื้นที่วางไข่และหากินของเต่าทะเล ที่ลดลงจากการพัฒนาการใช้ประโยชน์พื้นที่ชายฝั่ง
สถิติการวางไข่เต่าทะเลลดลงเหลือเพียง 1 ใน 5 ส่วน ภายในระยะเวลา 60 ปีระหว่างปี พ.ศ. 2546-2559 พบสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นรวม 3,105 ตัว คิดเป็นค่าเฉลี่ยปีละ 190±112 ตัว ในจำนวนนี้ประกอบด้วยเต่าทะเลถึงร้อยละ 57 ค่าเฉลี่ยการเกยตื้นต่อปีของเต่าทะเลระหว่าง 75- 127ตัวต่อปี
ทั้งนี้เต่าตนุ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองภายใต้พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดยเต่าตนุเพศเมียจะวางไข่ทุก2ปี และเริ่มวางไขตั้งแต่าอยุ 14-25 ปี โดยพบว่าแหล่งวางไข่เต่าตนุในไทยลดลง ฝั่งอ่าวไทย ได้แก่ เกาะคราม จ.ชลบุรี และเกาะกระ จ.นครศรีธรรมราชส่วนฝั่งอันดามัน ได้แก่ เกาะสิมิลัน เกาะสุรินทร์ เช่น เกาะตอริลลา เกาะสต็อก เกาะระ เกาะพระทอง เกาะคอเขา จ.พังงา และหมู่เกาะอาดังราวี จ.สตูล