ไทยตั้งศูนย์ติดตามสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ พร้อมอพยพ

การเมือง
17 เม.ย. 60
19:00
14,538
Logo Thai PBS
ไทยตั้งศูนย์ติดตามสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ พร้อมอพยพ
ฝ่ายความมั่นคงไทยเกาะติดสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีอย่างใกล้ชิด โดยตั้งศูนย์บัญชาการขึ้นมาวิเคราะห์สถานการณ์รายวันและเตรียมแผนอพยพคนไทยไว้ล่วงหน้า เชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นหนึ่งหัวข้อในการประชุมผู้นำอาเซียนปลายเดือนเมษายนนี้


วันนี้ (17 เม.ย.2560) รศ.ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28 และ 29 เมษายนนี้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมด้วยนั้น เชื่อว่าผู้นำอาเซียนจะมีการหยิบยกสถานการณ์ตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีมาหารือ เพื่อกำหนดท่าทีและจุดยืนของกลุ่มอาเซียนขึ้น แต่เบื้องต้นนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลยังคงรักษาความสัมพันธ์ทั้งเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ รวมถึงสหรัฐฯ และจีนที่อยู่ในระดับสัมพันธภาพที่ดีมาโดยตลอด แต่หากสหประชาชาติและกลุ่มประเทศอาเซียนมีจุดยืนใดๆ ออกมาก็ย่อมต้องยึดถือและปฏิบัติตามเช่นกัน และจนถึงขณะนี้ปัญหาที่เกิดขึ้น ยังไม่ส่งผลกระทบกับไทย เว้นแต่การท่องเที่ยวอาจเกิดขึ้นบ้าง หากแต่ระยะยาว อาจผลถึงการค้าการลงทุนและความร่วมมือด้านอื่นๆ ไปด้วย

พล.ท.วีระชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามความเคลื่อนไหว โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศประเมินและวิเคราะห์ผลกระทบ เพื่อรายงานให้รับทราบเป็นระยะๆ แล้ว

ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า ฝ่ายความมั่นคงเตรียมจัดตั้งศูนย์การแก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ (ศมบ.) เพื่อติดตามสถานการณ์โลก โดยมีผู้แทนทุกกระทรวงเข้าร่วมบูรณาการงานกัน ซึ่งจะมีการประชุมกันทุกวัน และรายงานผลต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อนที่จะรายงานให้นายกรัฐมนตรีให้ได้รับทราบต่อไป และข้อมูลล่าสุดของ ศมบ.ขณะนี้ ยังไม่มีเหตุน่าเป็นห่วงและเชื่อว่าจะไม่มีอะไรรุนแรงมากนัก แต่ได้เตรียมแผนอพยพคนไทยเอาไว้ระดับหนึ่งแล้ว หากเกิดกรณีฉุกเฉิน เอกอัครราชทูตในแต่ละประเทศจะประเมินและประสานงานทันที และสั่งเปิดกว้างสำหรับแผนนี้ ไม่เพียงสถานการณ์โลก แต่รวมถึงสถานการณ์ภัยพิบัติด้วย โดยขีดเส้นกรอบปฏิบัติไว้ 6 ประเทศ คือเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง