การกลับมาปฏิบัติหน้าที่ของ พล.อ.ประวิตร ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ต้องถือว่า ดับกระแสข่าวถูกปรับพ้น ครม.ไปได้ อย่างน้อยๆ ก็ช่วงนี้ แม้จะยังดูอิดโรย และผอมลงไปกว่าปกติ แต่ พล.อ.ระวิตร ก็ยืนยันว่า ยังทำงานไหว แถมยังกำชับเหล่าทัพ ไม่ให้ประมาท
"ถ้าไม่ไหว ก็ไม่ทำงานแล้ว" คือคำยืนยันของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งปรากฏตัวต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ ขณะเข้าประชุมสภากลาโหม หลังลาพักไปเกือบ 2 สัปดาห์ ..แม้น้ำเสียง และท่าทางจะดูอิดโรย และไม่มีอารมณ์ฉุนเฉียว หรือ พูดจาโผงผางเหมือนที่แล้วมา แต่คือการตอกย้ำว่า จะยังคงเดินหน้าทำงานต่อ เพียงแต่ขอเวลาพักฟื้นบ้าง เพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรง
การปรากฎตัวของ พล.อ.ประวิตร เป็นการยืนยันข่าวการป่วยก่อนหน้านี้ แต่ก็ดับกระแสข่าวจะถูกปรับพ้น ครม.เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อ พล.อ.ประวิตร เงียบหายไป ขณะเกิดเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการส่งสัญญาณท้าทายมาถึง พล.อ.ประวิตร โดยตรง ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง แต่ พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า ไม่กังวล
และขณะนั่งเป็นประธานประชุมสภากลาโหมเมื่อวานนี้ พล.อ.ประวิตร ก็กลับมาบัญชาการงานด้านความมั่นคง โดย พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้เหล่าทัพไม่ประมาทและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตามทุกความเคลื่อนไหวของภัยคุกคามต่างๆ ในไซเบอร์ หลังเกิดเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
แม้จะสามารถดับกระแสข่าว จะถูกปรับพ้น ครม.ที่คาดว่า อาจจะมีขึ้น ในช่วงท้ายของรัฐบาล คสช.แต่ด้วยการก่อเหตุที่จงใจวางระเบิดหน้าห้อง วงษ์สุวรรณ หนีไม่พ้นที่จะถูกตั้งข้อสังเกตถึงผลทางการเมืองที่จะตามมา ทั้งในฐานะที่ พล.อ.ประวิตรเป็นแกนนำ คสช.และรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง แม้นายกรัฐมนตรี จะยืนยันมาตลอดว่า ไม่คิดจะเปลี่ยนตัว เพราะนอกจาก พล.อ.ประวิตร จะอยู่ในฐานะพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว พล.อ.ประวิตร ยังถือเป็นคีย์แมนสำคัญที่มีสายสัมพันธ์ทั้งกับฝ่ายการเมือง และได้รับความไว้วางใจจากรุ่นน้องในกองทัพ