สธ.เตือน “โรคมือ เท้า ปาก” ระบาด 6 เดือนพบผู้ป่วยแล้วกว่า 2.4 หมื่นคน

สังคม
26 มิ.ย. 60
10:47
6,523
Logo Thai PBS
สธ.เตือน “โรคมือ เท้า ปาก” ระบาด 6 เดือนพบผู้ป่วยแล้วกว่า 2.4 หมื่นคน
กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนเฝ้าระวังโรคมือ เท้า ปาก ระบาด พบผู้ป่วยในช่วง 6 เดือน แล้วกว่า 20,000 คน เสียชีวิต 1 คน สถิติชี้ช่วงกลางเดือน ก.ค.พบระบาดมากสุด โดยเฉพาะในสถานรับเลี้ยงเด็ก กลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุด คือเด็กอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 4 ปี

วันนี้ ( 26 มิ.ย.2560 ) กรมควบคุมโรค เผยสถิติสถานการณ์โรคมือ เท้า ปาก ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบผู้ป่วย 40,000-76,000 คนต่อปี เสียชีวิต 2-3 คนต่อปี ขณะที่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-19 มิ.ย.2560 มีผู้ป่วยแล้ว 24,005 คน เสียชีวิต 1 คน ช่วงอายุที่พบมากที่สุด คือ อายุตั้งแต่แรกเกิด ถึง 4 ปี คิดเป็น ร้อยละ 86.49 ส่วนพื้นที่ที่มีอัตราป่วยสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร รองลงมา คือ จังหวัดในภาคกลางตอนบน และภาคใต้ตอนบน

น.พ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยสูงกว่าปกติเมื่อเทียบกับข้อมูล 5 ปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน โดยพบรายงานเหตุการณ์โรคมือ เท้า ปากในศูนย์เด็กเล็กหลายแห่ง และมีรายงานผู้ป่วยสงสัยโรคมือ เท้า ปาก เสียชีวิต 2 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ สำหรับการพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์ คาดว่า จะพบผู้ป่วยโรคมือ เท้า ปากเพิ่มขึ้น เนื่องจากยังคงเป็นช่วงเปิดภาคเรียนของนักเรียน ซึ่งมักพบการระบาดในช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค. โดยจะเริ่มพบผู้ป่วยสูงขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย. และพบสูงสุดในช่วงกลางเดือน ก.ค.ของทุกปี

น.พ.เจษฎา ระบุว่า พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ ศูนย์เด็กเล็ก สถานรับเลี้ยงเด็ก และสถานศึกษาต่างๆ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการอยู่รวมกัน อาจใช้ภาชนะหรือสิ่งของร่วมกัน ดังนั้น ควรมีมาตรการการดูแลและป้องกันโรค เช่น การคัดกรองเด็กทุกวัน ทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ในห้องเรียน ห้องครัว ภาชนะใส่อาหาร และแนะนำให้นักเรียนล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ก่อนรับประทานอาหารและหลังจากเข้าห้องน้ำ

นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค ยังขอให้ผู้ปกครอง ครู และผู้ดูแลเด็ก หมั่นสังเกตอาการของเด็กเล็กอย่างใกล้ชิด หากมีอาการไข้ร่วมกับแผลในปาก โดยอาจมีหรือไม่มีตุ่มน้ำที่มือหรือเท้าก็ได้ เพราะในบางรายอาจมีเฉพาะไข้ ควรรีบพาไปพบแพทย์และให้หยุดเรียนจนกว่าจะหายเป็นปกติ และไม่ควรคลุกคลีกับคนอื่นๆ ในครอบครัวหรือชุมชน หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง