มือกู้ระเบิดเปิดใจ นาทีบึ้มซ้ำยะลา จี้รัฐดูแลสวัสดิการ-อุปกรณ์-ขวัญกำลังใจ

ภูมิภาค
21 ก.ย. 60
11:33
4,205
Logo Thai PBS
มือกู้ระเบิดเปิดใจ นาทีบึ้มซ้ำยะลา จี้รัฐดูแลสวัสดิการ-อุปกรณ์-ขวัญกำลังใจ

ผ่านมาสัปดาห์เต็ม ที่ จ.ส.ต.อภิทักษ์ ปราบกรี เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หรือ อีโอดี จ.ยะลา หรือที่รู้จักกันในชื่อ ชุดปฏิบัติการศรชัย นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ด้วยอาการปอดช้ำ แน่นหน้าอก และปวดหู จากเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ หมู่ 5 ต.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา

ขณะที่ระเบิดลูกนั้น ปลิดชีวิตเพื่อนร่วมงาน ไปพร้อมกันถึง 2 คน คือ จ.ส.อ.อนิรุทธ จันทะวงษ์ หรือ ครูยักษ์ เจ้าหน้าที่อีโอดีชุดวินิจ จากศูนย์ข้อมูลวัตถุระเบิด ภาค 9 (ศชต.เดิม) และ ส.ต.ธเนตร พุทโธ เจ้าหน้าที่ทหารพราน ชุดปฏิบัติการหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 47 (ฉก.ทพ.47) และมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

คิดไว้ในใจแล้วว่ามีลุ้น แต่จะโดนแบบไหนเท่านั้นเอง

เช้าวันที่ 14 ก.ย. เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นภายในบ้านพักของ จ.ส.ต.อภิทักษ์ เขาได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เข้าตรวจสอบเหตุระเบิดเสาไฟฟ้าในพื้นที่กาบัง ซึ่งเกิดตั้งแต่ช่วงกลางดึกของวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา

จ.ส.ต.อภิทักษ์ นั่งรถไปกับเพื่อน 2 คน และรุ่นพี่อีก 2 คน เป็นรถคันที่ 4 ของชุดปฏิบัติการในวันนั้น ต่อจากรถชุดทหารพราน เมื่อขับรถใกล้จุดเกิดเหตุ ก็เกิดระเบิดขึ้น 1 ลูก คาดว่าแรงระเบิดจะสร้างความเสียหายกับรถ 2 คันแรก เพราะต่อมาได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกนว่า “ไอ้ต้น ๆ (ส.ต.ธเนตร พุทโธ) ตื่นๆ อย่าหลับ” จากนั้นขบวนรถทั้งหมดก็หยุดบริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อเริ่มเข้าเคลียร์พื้นที่

ตนเดินไปสอบถามเพื่อน (จ.ส.ต.เอกชัย สมอคำ) ซึ่งนำเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดลงไปตรวจสอบปากหลุมระเบิด จ.ส.ต.เอกชัย บอกว่า ยังไม่พบวัตถุต้องสงสัยใดๆ จนกระทั่งเดินออกมา 5 ก้าว เกิดระเบิดซ้ำขึ้นมาอีกลูก ทุกคนล้มลงนอนกันหมดลักษณะคล้ายกับในหนัง ขณะนั้นตนยังเดินได้ และพยายามช่วยเหลือเจ้าหน้าที่คนอื่น ที่ได้รับบาดเจ็บ 

ไม่ไว้ใจเลย ผมกับเพื่อนพูดกันในรถ คิดไว้ในใจแล้วว่ามีลุ้น แต่จะโดนแบบไหน มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง เพราะเมื่อปี 2554-2555 ชุดปฏิบัติการของผม ก็โดนระเบิดที่กาบัง แบบเดียวกันเลย เริ่มด้วยระเบิดเสาไฟฟ้า ชอบวางแบบซ้ำซ้อน ไปพื้นที่ 5 ครั้งมีโอกาสโดน 1 ครั้ง ภาพมันแวบเข้ามาในหัว เจอเส้นทางเดิม ติดขบวนเหมือนเดิม แล้วมันก็โดนจริงๆ

จ.ส.ต.อภิทักษ์ เล่าว่า หลังเกิดเหตุระเบิดซ้ำเป็นลูกที่ 2 ก็ไม่รู้ว่า ตัวเองบาดเจ็บที่ไหนบ้าง รู้แต่ว่ายังเดินได้ และได้ยินเสียงเพื่อนเรียก “เจมส์ เจมส์ ช่วยด้วย” ก็เข้าไปช่วยพยุงเพื่อนไปส่งที่รถ ระหว่างทางมองเห็นเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ รวมทั้ง ด.ต.วรวิชัย บุญรักษา (เล็ก) ที่ต่อมาถูกตัดขา และ ร.ต.ท.ยุทธนา เทพสถิต (หมวดท็อป) 

เห็นพี่เล็กมีเลือดไหลออกมาจากขาเหมือนท่อประปาแตก มันเยอะมาก ผมก็แบกเพื่อนไปที่รถ กลับมาอีกรอบก็เห็นเจ้าหน้าที่นอนตะแคงหันหลังอยู่ข้างทาง ก็วิ่งลงไปช่วย ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นใคร จับเสื้อเกราะพลิกให้นอนหงายก็เห็นว่าเป็นหมวดท็อป มีทหารอีกคนลงมาช่วยถอดเสื้อเกราะและหมวกเกราะ หมวดท็อปก็สำลักเลือดออกทั้งทางปากทางจมูกเต็มไปหมด ในใจภาวนาว่าอย่าให้เป็นอะไรเลย

สุดยื้อชีวิต "ครูยักษ์" สิ้นใจต่อหน้าต่อตา

เจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด ถูกนำตัวไปยังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลศูนย์ยะลา และโรงพยาบาลยะลาสิริรัตนรักษ์ แพทย์และพยาบาลพยายามยื้อชีวิตเจ้าหน้าที่อย่างสุดความสามารถ

เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงที่พยาบาล บุรุษพยาบาลต่อคิววนกันปั๊มหัวใจครูยักษ์ (จ.ส.อ.อนิรุทธ จันทะวงษ์) แล้วก็บอกว่า แกไม่กลับมาแล้ว เสียแล้ว ผมเห็นทุกอย่าง พี่แกจากไปต่อหน้าต่อตาผม รู้สึกเศร้าและหดหู่ หันซ้าย หันขวาก็เจอแต่เพื่อนและพี่ๆ บาดเจ็บกันหมด ในห้องฉุกเฉินวุ่นวายไปหมด

 หอมแก้มลูก-เมีย ทุกวัน ก่อนออกไปทำงาน

“ผมตัดสินใจแล้วว่าจะยืนอยู่จุดนี้ ไม่ได้คิดย้ายไปไหน” จ.ส.ต.อภิทักษ์ เล่าอีกว่า ตนเริ่มทำงานที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ช่วงปี 2548 ซึ่งเป็นช่วงแรกที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ ต่อมาย้ายมาอยู่หน่วยเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิดนาน 7 ปี แรกๆ ในการทำงานก็รู้สึกตื่นเต้นและกลัว แต่ขณะนี้อยู่เหนือคำว่า ตื่นเต้นและตกใจแล้ว เพราะได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดเป็นครั้งที่ 4

ทุกคนรู้ตัวดี ตราบใดที่เรายังยืนอยู่ตรงจุดนี้ บนเส้นทางนี้ เรามีความเสี่ยงสูง แต่จะหนักจะเบาก็แล้วแต่บุญวาสนา เมื่อก่อนไม่มีภรรยา ไม่มีลูก ก็ห้าว พอมีลูกก็ระวังขึ้น ก่อนออกไปทำงานจะหอมแก้มลูกและภรรยาทุกวัน บอกว่าพี่ไปทำงานก่อนนะ ภรรยาก็จะบอกว่า ดูแลตัวเองด้วย ปลอดภัยนะ เชื่อว่าทุกคนที่ทำงานในจุดนี้ แม้จะไม่เอ่ยปาก แต่ก็เผื่อใจกันไว้หมดแล้ว เพราะพูดไปมันก็ไม่ดี เรื่องของความเป็นความตาย เราเล่นอยู่กับระเบิด ไม่ได้เล่นกับประทัด พื้นที่ตรงนี้ก็พื้นที่จริง เราเลือกเส้นทางนี้ก็ต้องทำใจ

พัฒนารูปแบบวางระเบิด-มุ่งทำร้ายเจ้าหน้าที่

ขณะที่ผู้ก่อเหตุพัฒนารูปแบบการก่อความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มุ่งที่จะทำร้ายเจ้าหน้าที่ เช่น ลวงเข้าไปในพื้นที่แล้วระเบิดซ้ำ ซึ่งด่านตรวจในพื้นที่ ช่วยสกัดกั้นเหตุรุนแรงได้ ยิ่งมีหลายจุดยิ่งเพิ่มความปลอดภัย แต่ จ.ส.ต.อภิทักษ์ระบุว่า ยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่เข้าออกได้ทั้งหมด

รอบนี้เรายังไม่รู้เลยว่าลูกที่ 2 ใช้วิธีไหน ปกติโดนลูกริมถนนเสร็จมันจะไม่มีแล้ว แต่ถ้ามีก็จะหาเจอ รอบนี้หาไม่เจอเลยเกิดระเบิด มีการลวงเจ้าหน้าที่เข้าไปแล้วระเบิดซ้ำ ก็พัฒนารูปแบบเรื่อยๆ ด่านตรวจก็ช่วยสกัดกั้นเหตุได้ เจ้าหน้าที่ทำงานกันหนัก อดหลับอดนอน

ยุบ ศชต.เหมือนบ้านแตก-งงเป็นไก่ตาแตก

จ.ส.ต.อภิทักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนกำลังพล เนื่องจากคนที่มีประสบการณ์ได้รับคำสั่งให้โยกย้าย จากการยุบกองบัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) และตั้งกองกำกับการเก็บกู้ระเบิด ตำรวจภูธรภาค 9 (ภ.9) โดยตัดกำลังของตำรวจภูธรจังหวัดยะลา จาก 40-50 คน เหลือ 15-17 คน หรือการออกปฏิบัติการด้วยการใช้รถยนต์ชุดละ 5-6 คัน เหลือ 3 คัน ซึ่งคนที่ถูกย้ายไป ยังไม่สามารถออกปฏิบัติงานได้ เพราะไม่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ พร้อมเรียกร้องให้ย้ายเจ้าหน้าที่ชุดเดิมกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้ง เนื่องจากเป็นทีมที่มีศักยภาพ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสิ้นเดือนนี้ หลังจากการจัดกำลังพลแล้วเสร็จ

ตา หู การสังเกตมันก็ลดลงตามจำนวนคน พื้นที่แถวนี้มันก็เสี่ยงถูกลอบยิง เราไปกัน 8 คน ผู้ก่อเหตุ 20 คน ก็เรียบร้อย ตอนนี้ชุดของผมเหลือคนทำงาน 8 คน โดนระเบิดต้องเข้าโรงพยาบาล 7 คน ก็หมดแล้ว ตอนยุบไม่ได้ถามความเห็นเลย จู่ ๆ มีคำสั่งตอนเช้าออกมา ตัดชื่อเรียงตามลำดับเลข 1-10 ย้ายไปกองกำกับการอีโอดี ส่วน 11-20 ให้คงกำลังไว้ที่เดิม เราไม่รู้ตัวกันมาก่อน งงเป็นไก่ตาแตก จากที่เคยเป็นครอบครัวใหญ่ พอหายไปมันก็ใจหาย สิ้นเดือนนี้หวังให้คนที่ย้ายไปได้กลับมาช่วย เป็นครอบครัวใหญ่เหมือนเดิม อีโอดีทำงานคนเดียวไม่ได้

วอนดูแลอุปกรณ์ทำงาน-ซ่อมรถตัดสัญญาณ

จ.ส.ต.อภิทักษ์ ยังเรียกร้องให้มีการสอบถามเรื่องยุทโธปกรณ์อย่างน้อย 3-4 เดือนต่อครั้ง เช่น รถตัดสัญญาณวิทยุ รีโมท โทรศัพท์ บางคันใช้งานมาแล้ว 5-6 ปี แต่โดนระเบิดบ่อยครั้ง เมื่อเปิดใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ อาจมีประสิทธิภาพในการใช้งานมันไม่เต็ม 100%

อุปกรณ์มีการใช้งานทุกวันก็เสื่อมสภาพ ขาดการซ่อมบำรุง เช่น รถตัดสัญญาณก็โดนระเบิดอยู่เรื่อย ตัวรถไม่มีปัญหา แต่ไม่ค่อยมั่นใจในระบบ เพราะไม่ได้ใช้เฉพาะกู้ระเบิด แต่ใช้ทั้งตรวจพื้นที่ เหตุยิงกันเสียชีวิต ไฟไหม้ ไปทุกเหตุการณ์ก็ต้องเปิดเครื่องตัดสัญญาณทุกที

อยากให้เลื่อนยศคนที่ยังอยู่ เพราะตายไปก็ไม่ได้ใช้

จ.ส.ต.อภิทักษ์ บอกด้วยว่า นอกจากนี้ ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ระเบียบ และเลื่อนชั้นยศเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องเข้ารับการรักษาเป็นปี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจเมื่อกลับมาทำงานอีกครั้ง เช่น หากอยู่ในชั้นประทวนก็ให้ขึ้นเป็นสัญญาบัตร และกรณีผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นอนติดเตียง ให้มีการดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ไม่ใช่ได้รับเงินเพียงก้อนเดียว เนื่องจากไม่สามารถทำงานได้และครอบครัวต้องดูแล รวมทั้งเพิ่มเงินค่าตำแหน่งพิเศษให้เจ้าหน้าที่อีโอดี ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเงินเท่ากันทั่วประเทศ เช่น จากที่ได้รับ 7,000 บาท เพิ่มเป็น 10,000 บาท

อยากให้เลื่อนยศคนที่ยังอยู่ด้วย เพราะถึงตายไปก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี ประชาชนน่าจะเห็นด้วยกับเงินภาษีตรงนี้ มันก็ไม่ได้เพิ่มเยอะ พอเจอเหตุและรอดก็น่าจะได้รับขวัญกำลังใจ อยากให้เห็นใจเราหน่อย เห็นคนที่เหยียบดิน เขี่ยระเบิด ผมมองหลายเคสแล้ว บางคนหูดับ นิ้วขาดก็กลับมาทำงาน บางทีอาจได้รับการปูนบำเหน็จชั้นยศแต่มันก็ล่าช้ามาก
อีกส่วนหนึ่งคือผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นอนติดเตียง เป็นเจ้าชายนิทรา น่าสงสารมาก พอหายเงียบสัก 2-3 เดือนก็ไม่ได้รับความสนใจ ตั้งแต่ปี 2547 มีจำนวนเยอะมาก พอไม่ได้ทำงานก็จะเหลือแต่เงินเดือน เบี้ยเสี่ยงภัย เบี้ยปฏิบัติหน้าที่ก็ถูกตัดหมด มันก็ลำบาก กระทบกับครอบครัว ลูก เมีย ยิ่งพลทหารยิ่งหนักเลย มาทำแล้วปลดประจำการ ไม่ได้เงินเดือน เหลือแต่ครอบครัวที่ลำบาก น่าหดหู่ โดนทิ้ง จ.ส.ต.อภิทักษ์ ทิ้งท้าย

 

วรรณพร แก้วแพรก ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง