นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า พายุดีเปรสชันที่ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศเวียดนามตอนกลาง ในวันที่ 10 ต.ค.2560 จากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศลาว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือของประเทศไทยตามลำดับ ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น ฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่และมีลมกระโชกแรง
ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 10-11 ต.ค.2560 ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก รวมถึงกรุงเทพฯและปริมณฑล อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังในพื้นที่ราบลุ่ม และดินถล่ม ปภ.จึงได้ประสาน 53 จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ ได้แก่
ภาคเหนือ 15 จังหวัด
แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร ตาก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14 จังหวัด
หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี เลย อุดรธานี นครพนม สกลนคร
ภาคกลาง 9 จังหวัด
นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม และราชบุรี รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออก 8 จังหวัด
ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด
ภาคใต้ 7 จังหวัด
เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต
นอกจากนี้ยังประสานศูนย์ ปภ.เขต, ปภ.จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย และจังหวัดในพื้นที่ใกล้เคียง เตรียมพร้อมรับมือฝนตกชุกหนาแน่นและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศ ตรวจวัดปริมาณฝน สังเกตการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ จัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วและเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเตรียมสถานที่สำหรับเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตราย
หากสถานการณ์รุนแรง ให้รายงานกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง