เมื่อวานนี้ (11 ม.ค.2561) นายเจษฎ์ โทณะวณิก คณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีผู้บริหารองค์กรสื่อ มีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงแล้วเสร็จและส่งรายงานจำนวน 2 ฉบับ คือรายงานฉบับแสวงหาข้อเท็จจริง ซึ่งมีเนื้อหาและรายละเอียดจากการตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริง และรายงานฉบับย่อ ฉบับเผยแพร่ต่อสาธารณะ
สำหรับการเปิดเผยเนื้อหาของรายงานดังกล่าวทางอนุกรรมการฯ ได้มีมติร่วมกันว่าให้เป็นหน้าที่ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่จะดำเนินการ รวมถึงการกำหนดมาตรการแก้ปัญหาหรือดำเนินการด้วยวิธีใดต่อประเด็นที่ถูกตั้งเรื่องให้คณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง
ด้าน น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะคณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีนี้ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมีความละเอียดอ่อนต่อความอ่อนไหวทางเพศ และเราก็ต้องคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะบางคนที่ให้ข้อมูลนั้นเขาก็ประสงค์ให้เปิดเผยและไม่ให้เปิดเผย
น.ส.สุเพ็ญศรี กล่าวถึงกรณีที่นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กเยาวชน (ชาย) ระบุว่าการแสวงหาข้อเท็จจริงนั้นจะเป็น "หมาหยอกไก่" มีความกังวลหรือไม่ว่า บางคนอาจได้ข้อมูลคนละส่วน แต่ทางคณะอนุกรรมการฯ ทำงานโดยยึดสิทธิของผู้เสียหายเป็นหลัก เรื่องบางอย่างถ้าผู้เสียหายให้เปิดเผยเท่าไหนเราก็ทำเท่านั้น โดยยอมรับเมื่อเริ่มตั้งคณะอนุกรรมการฯ มีภารกิจที่จำกัด และเมื่อนำไปสู่การรับฟังความเห็นก็ยังอยู่ในภาวะยากลำบาก ดังนั้น จึงพยายามดูสิ่งที่คณะอนุกรรมการฯ สามารถจะทำได้
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนหนึ่งได้มาจากสื่อมวลชน จึงต้องพยายามที่จะแสวงหาข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้ได้สรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริงให้ทางสมาคมไปแล้วและจากนี้คงเป็นในส่วนของสมาคมที่เปิดเผยต่อสาธารณชนต่อไป
ส่วนความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการบริหาร สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่มีนายปราเมศ เหล็กเพ็ชร์ เป็นประธาน เตรียมนัดประชุมกันในสัปดาห์หน้า โดยนายปรัชญาชัย ดัชถุยาวัตร โฆษกสมาคมนักข่าวฯ กล่าวว่า กระบวนการนั้นเป็นปกติ ไม่มีการดึง หรือการยื้อเรื่องตามที่หลายฝ่ายให้สัมภาษณ์กดดัน ส่วนการเปิดเผยรายละเอียดของผลสอบจะเป็นอย่างไรนั้น ที่ประชุมขอหารือกันอีกครั้ง เนื่องจากประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีผลกระทบ พาดพิงบุคคล จึงต้องใช้ความระมัดระวังและรอบคอบ