บริษัทอควาฯ ยื่นฟ้องพิธีกร-ช่อง 3 กล่าวหาพัวพันค้ามนุษย์

อาชญากรรม
1 ก.พ. 61
12:33
419
Logo Thai PBS
บริษัทอควาฯ ยื่นฟ้องพิธีกร-ช่อง 3 กล่าวหาพัวพันค้ามนุษย์
ดีเอสไอ ระบุจากการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานคดีค้ามนุษย์สถานบริการวิคตอเรีย ซีเครท นำมาสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา 7 คน โดยจับกุมตัวแล้ว 2 คน ขณะที่บริษัทอควาฯ ยื่นฟ้องแพ่ง-หมิ่นประมาท "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และช่อง 3 ที่กล่าวหาพัวพันค้ามนุษย์และกิจการอาบอบนวด

บริษัทอควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มอบอำนาจให้ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด, ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และพิธีกรในรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ในช่วง "ชูวิทย์มีเรื่องเล่า" ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งมีบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นผู้ประกอบการ จำเลยที่ 2-7 เป็นผู้บริหาร จำเลยที่ 8-10 เป็นพิธีกร โดยได้กล่าวถ้อยคำอันมีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์

โดยใช้วิธีนำเสนอในลักษณะเป็นแผนภูมิให้เห็นภาพเกี่ยวกับการโอนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีการพาดพิงนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ผู้ถือหุ้น และแสดงให้เห็นว่ามีการเชื่อมโยงกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ ซึ่งศาลรับฟ้องคดีไว้และนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 28 พ.ค.2561 นอกจากนี้ บริษัทอควาฯ ยังได้ยื่นฟ้องพวกจำเลยเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด จำนวน 333 ล้านบาทต่อศาลแพ่ง โดยศาลได้ประทับรับฟ้องและนัดพิจารณาวันที่ 22 เม.ย.2561

 

ส่วนการสั่งปิดสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการที่มีการกระทำผิด ตามคำสั่ง คสช. พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (31 ม.ค.2561) มีการประชุมของคณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติให้ปิดสถานบริการ 9 แห่ง ส่วนอีก 3 แห่ง นัดลงมติอีกครั้ง เบื้องต้นคาดว่าจะมีการปิดทั้งหมดอย่างแน่นอน โดยทั้ง 9 แห่งคณะกรรมการฯ เสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณาสั่งปิดภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งหากสถานบริการใดถูกจับกุมก็จะเสนอสั่งปิดเพิ่มเติม เช่นเดียวกับสถานบริการวิคตอเรีย ซีเครท และจะไม่ต่อใบอนุญาต เท่ากับว่าสถานบริการนั้นถูกปิด

ขณะที่เมื่อวานนี้ (31 ม.ค.2561) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ประชุมความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์และเป็นครั้งแรกที่มีหน่วยงานอื่นๆ เข้าร่วมการประชุม ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง แต่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่าเป็นเพียงการวางกรอบทำงาน หลังจากได้หลักฐานที่เกี่ยวข้อง

จนถึงขณะนี้ ดีเอสไอออกหมายจับคดีค้ามนุษย์แล้ว 7 คนและติดตามจับได้ 2 คน คือ นายบุญทรัพย์ อมรรัตนสิริ หรือ ป๋ากบ และนายเฉลียว จันทร์พิมพ์ ซึ่งนายเฉลียว เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างทำหน้าที่รับ-ส่งเด็กผู้หญิง ผู้เสียหายและผู้หญิงคนอื่นๆ ในวิคตอเรีย ซีเครท ส่วนผู้ต้องหาอีก 5 คนยังหลบหนี ซึ่งขณะนี้มีผู้ต้องหาในคดีทั้งหมดมากกว่า 15 คน


พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยอมรับว่า กำลังตรวจสอบข้อมูลบุคคลอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องการรับผลประโยชน์ รวมทั้งอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งหากมีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงจะต้องตรวจสอบทันที

ทั้งนี้ มีข้อมูลจากการเปิดเผยของสำนักข่าวอิศรา ระบุว่า เมื่อปลายปี 2558 นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีนี้ ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทเอคิว เอสเตท จำกัด จาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำนวน 500 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 250 ล้านบาท

ข้อมูลสำนักข่าวอิศรา อ้างถึงการซื้อขายหุ้นบริษัทเอคิว เอสเตท จำกัด อยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 23 พ.ย. - 8 ธ.ค.2558 และยังมีบุคคลที่มีรายชื่อที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในครอบครัวอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้ซื้อหุ้นจาก พล.ต.อ.สมยศ ด้วยในจำนวน 500 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 250 ล้านบาท เท่ากัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง