“กรมป่าไม้” ลั่นทวงคืนรีสอร์ตฮุบที่ดิน ทภ.3 กลางเขาค้อ 6 หมื่นไร่

สิ่งแวดล้อม
6 มี.ค. 61
18:04
1,065
Logo Thai PBS
“กรมป่าไม้” ลั่นทวงคืนรีสอร์ตฮุบที่ดิน ทภ.3 กลางเขาค้อ 6 หมื่นไร่
กรมป่าไม้ ไม่ยอมนายทุนเหิมสร้างรีสอร์ต 4 ชั้นกลางเขาค้อ หลังอัยการไม่สั่งฟ้องคดี อ้างหลักฐานไม่เพียงพอ เตรียมลงพื้นที่ถกด่วน 8 มี.ค.นี้ ตีกรอบหาแนวทางรวบหลักฐาน สำนวนคดีให้เพียงพอต่อสู้อีกครั้ง ขณะที่พบ 61 คดีพิพาทใช้ที่ดินทภ.3 ที่กรมป่าไม้มอบให้กับทหาร

วันนี้ (6 มี.ค.2561) นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องในคดีรีสอร์ตรุกป่าเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ว่า หลังจากทหารเข้าไปดำเนินคดีในพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพภาคที่ 3 ขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ และจัดที่ดินสำหรับราษฎรอาสาสมัครร่วมรบในสมัยนั้น ช่วงหลังได้มีการซื้อ-ขายเปลี่ยนมือ ฝ่ายทหารจึงเข้าไปดำเนินคดี เนื่องจากเชื่อว่าผู้ที่เข้ามาครอบครอง เพื่อใช้ทำรีสอร์ต หรือโรงแรม อาจเป็นการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หลังจากมีการดำเนินคดีแล้วพบว่า การรวบรวมพยานหลักฐานในคดีอาจจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ จึงเป็นผลให้พนักงานสอบสวนและอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง


นายอรรถพล ระบุว่า มีคดีการรุกพื้นที่ป่าเช่นนี้อีกจำนวนมากที่ทหารเข้าไปดำเนินการ บางคดีมีการดำเนินการร่วมกับกรมป่าไม้แล้ว อัยการสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ สั่งไม่ฟ้องเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ และสั่งไม่ฟ้องด้วยเหตุผู้กระทำผิดขาดเจตนา ทำให้เจ้าหน้าที่ค่อนข้างกังวล และเป็นห่วงว่า หากเกิดกรณีเช่นนี้กับทุกราย ที่ถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายในอนาคตอีกหลายแปลง จะทำให้การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ยากยิ่งขึ้น แม้กระบวนการทางกฎหมายจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ แต่เจ้าหน้าที่จะทำงานลำบากขึ้น

ขณะนี้เจ้าหน้าที่หารือกันถึงความเป็นไปได้ในการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อไปหักล้างในส่วนที่พยานหลักฐานที่ไม่เพียงพอในคดีต่าง ๆ ที่สั่งไม่ฟ้อง ซึ่งต้องมีการประสานไปยังฝ่ายสอบสวนและพนักงานอัยการ โดยในวันที่ 8-9 มี.ค.นี้ จะมีการประชุมฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม หาแนวทางแก้ไขปัญหาคดีนี้ และลงพื้นที่ตรวจสอบแปลงนายทุนที่เข้าก่อสร้างตึกรีสอร์ต 4 ชั้นกลางเขาค้อ และอัยการไม่ฟ้องเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ รวมถึงพื้นที่อื่น ๆ ที่จะต้องดำเนินคดีในอนาคต เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เมื่อผู้กระทำผิดยังครอบครองและประกอบการอยู่ในพื้นที่หน่วยงานของรัฐต้องเข้าไปแก้ไข เพราะที่ดินเหล่านี้เป็นที่ของรัฐ

ชี้นายทุนใช้ชาวบ้านเป็น “นอมินี”สร้างรีสอร์ต


นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ชาวบ้านทราบถึงเงื่อนไขของ รอส.ที่กองทัพกำหนดไว้ 9 ข้ออยู่แล้วว่าจะต้องไม่มีการซื้อ-ขายหรือเปลี่ยนมือ เว้นแต่ตกทอดตามมรดก เข้าใจว่ามีการเลี่ยงในลักษณะเอานายทุนมาร่วมทุน หรือตัวเองเป็นนอมินีให้กับนายทุนซึ่งจะต้องหักร้างข้อเท็จจริงตรงนี้ให้ได้ เมื่อหักล้างได้กระบวนการยุติธรรมก็จะเดินหน้าต่อไปได้ ก็ต้องพิสูจน์ ต้องดูหลายส่วนประกอบกัน


เช่นกรณีการไปร่วมทุนมีการเสียภาษีหรือไม่ มีหลักฐานที่เข้าไปร่วมประกอบกิจการด้วยหรือไม่ หรือให้เขามาทำหน้าที่แทนแล้วก็ได้รับประโยชน์ไป ซึ่งในส่วนนี้ไม่เข้าข่ายการใช้ประโยชน์จากที่ดิน ก็ต้องมาพิจารณาเรื่องคุณสมบัติของเขา โดยจะไปดูว่าเหตุผลที่สั่งไม่ฟ้อง ไม่ว่าจะขาดเจตนาหรือหลักฐานไม่พอฟ้อง มันขาดอะไร แล้วเราจะพยายามรวบรวมหาหลักฐานอะไรที่มันเสริมเพื่อให้ไปต่อได้


ทั้งนี้ ผลการตรวจสำเนาเอกสารทางคดี ที่ดิน ทภ.3 ขอใช้ประโยชน์ จากกรมป่าไม้ รวมจำนวน 61 คดี พิพาทใช้ที่ดินทภ.3 ที่กรมป่าไม้มอบให้กับทหาร 61,929 ไร่ ทราบผลทางคดีแล้ว จำนวน 9 คดี ดำเนินการทางหนังสือให้นายอำเภอเขาค้อ ลงนามเพื่อขอคัดสำเนาคำพิพากษาที่รับรองคดีถึงที่สุด เพื่อเสนอให้ มทภ.3 ส่งให้อธิบดีกรมป่าไม้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พนักงานสอบสวนเห็นควรงดการสอบสวน จำนวน 1 คดี พนักงานอัยการแจ้งยุติการดำเนินคดี จำนวน 2 คดี ผู้ต้องหาเสียชีวิต และอยู่ในขั้นหารือว่าจะเรียกค่าเสียหายทางแพ่งหรือไม่

 


นอกจากนี้พนักงานอัยการแจ้งคำสั่งไม่ดำเนินดคี 27 คดี เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ 17 คดี และผู้ต้องหาขาดเจตนากระทำผิดและสำคัญผิดในข้อเท็จจริง 10 คดี โดยทั้ง 27 คดีจะมีการดำเนินคดีใหม่ ยังไม่ทราบผลทางคดี อยู่ชั้นพนักงานอัยการ จำนวน 11 คดี รอเอกสารยืนยันจากพนักงานอัยการ จำนวน 3 คดี และส่งมอบสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ 8 คดี

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง