พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงเหตุเพลิงไหม้อาคารราชเทวีอพาร์ตเมนต์ ภายในซอยเพชรบุรี 18 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คนและบาดเจ็บ 61 คน ว่า ถนนภายในซอยดังกล่าวแคบมาก ประกอบกับมีรถจอดอยู่จำนวนมาก ทำให้รถดับเพลิงขนาดใหญ่เข้าไปไม่ได้ ส่วนรถดับเพลิงขนาดเล็กต้องจอดห่างจากอาคาร 20 เมตร และลากสายยางไปดับเพลิง เบื้องต้นพบว่า อาคารดังกล่าวขออนุญาตก่อสร้าง 12 ชั้น เมื่อเดือนสิงหาคม 2530 ต่อมาต่อเติมเพิ่มโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมขอความร่วมมือเจ้าของอาคาร หรือผู้ประกอบการที่ขออนุญาตก่อสร้างอาคารก่อนปี 2535 ให้ขอแนวทางปฏิบัติประกอบการพิจารณาออกใบรับรองการตรวจสอบอาคาร (แบบ ร.1)
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เมื่อปี 2560 ได้สั่งตรวจสอบอาคารทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นหลักหมื่นอาคาร โดยอาคารที่ก่อสร้างก่อนปี 2535 แบ่งเป็นอาคารทั่วไป จำนวน 6,000-7,000 อาคาร และอาคารที่มีความสูงเกิน 23 เมตร จำนวน 1,030 อาคาร เน้นเรื่องความมั่นคงถาวร บันไดหนีไฟ ป้ายบอกทางหนีไฟ และถังดับเพลิงที่ต้องมีทุกชั้น อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร อาจจะยังไม่เพียงพอและตรวจสอบไม่ทั่วถึง
ท่านได้รับประโยชน์จากค่าเช่า ค่าประกอบการ อย่างนี้อย่าทำเลย เห็นแก่ตัวเกินไป ไม่เห็นแก่ผู้พักอาศัยเลย เจ้าของอาคารต้องมีจิตสำนึก
วสท.ชี้ไฟไหม้ย่านราชเทวี ยังไม่กระทบโครงสร้างอาคาร
ขณะที่นายธเนศ วีระศิริ นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมระบะว่า ภาพรวมโครงสร้างหลักของอาคารทั่วไปยังไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากระยะเวลาในการเกิดเหตุเพียง 2 ชั่วโมง แต่ต้องรอการตรวจสอบโครงสร้างเหล็กภายในอีกครั้ง ว่ามีการขยายตัวหรือมีการแตกตัวของโครงสร้างเหล็กหรือไม่ ซึ่งจะต้องให้วิศวกรผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นสามารถซ่อมแซมอาคารดังกล่าวได้
ส่วนการให้ความช่วยเหลือ ขณะนี้มีผู้ประสบภัยแจ้งลงทะเบียนกับศูนย์ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อเข้าพักอาศัยยังสถานที่รองรับชั่วคราวที่บ้านพักของกรมการพลังงานทหาร ซึ่งอยู่บริเวณหน้าปากซอยแล้วกว่า 40 คน นอกจากนี้ เจ้าของอาคารยังเตรียมสถานที่พักเพิ่มเติมให้อีกด้วย