วันนี้ (17 เม.ย.2561) นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 13 - 17 เมษายน 2561 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 24 จังหวัด 65 อำเภอ 110 ตำบล 251 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 1,503 หลัง ผู้เสียชีวิต 2 คน แยกเป็น ภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ จ.กำแพงเพชร เกิดวาตภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองกำแพงเพชร อ.บึงสามัคคี อ.ขาณุวรลักษบุรี อ.ปางศิลาทอง และอ.ไทรงาม รวม 11 ตำบล 43 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 352 หลัง, จ.เพชรบูรณ์ เกิดวาตภัยในพื้นที่ อ.วิเชียรบุรี รวม 4 ตำบล 11 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 33 หลัง, จ.เชียงใหม่ เกิดวาตภัยในพื้นที่ อ.แม่ริม รวม 3 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 7 หลัง, จ.แพร่ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.สอง และ อ.ร้องกวาง รวม 3 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 10 หลัง
จ.นครสวรรค์ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ 3 ตำบล 8 หมู่บ้าน ได้แก่ อ.ไพศาลี และ อ.หนองบัว บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 35 หลัง, จ.ลำปาง เกิดวาตภัยในพื้นที่ อ.งาว รวม 3 ตำบล 10 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 15 หลัง, จ.พิจิตร เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ดงเจริญ และ อ.บึงนาราง รวม 3 ตำบล 8 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 60 หลัง และ จ.น่าน เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เวียงสา และ อ.นาหมื่น รวม 4 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 14 หลัง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15 จังหวัด ได้แก่ เลย เกิดวาตภัยในพื้นที่ อ.เมืองเลย รวม 5 ตำบล 23 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 117 หลัง, จ.นครราชสีมา เกิดวาตภัยในพื้นที่ 15 อำเภอ ได้แก่ อ.จักราช อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เมืองนครราชสีมา อ.โนนสูง อ.ประทาย อ.ห้วยแถลง อ.เมืองยาง อ.สูงเนิน อ.ปักธงชัย อ.หนองบุญมาก อ.สีคิ้ว อ.ชุมพวง อ.ลำทะเมนชัย อ.พิมาย อ.ปากช่อง รวม 23 ตำบล 34 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 117 หลัง, ร้อยเอ็ด เกิดวาตภัยในพื้นที่ 4 อำเภอ 9 ตำบล 23 หมู่บ้าน ได้แก่ อ.อาจสามารถ อ.เมืองสรวง อ.ธวัชบุรี อ.จตุรพักตรพิมาน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 116 หลัง, จ.ขอนแก่น เกิดวาตภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.บ้านไผ่ อ.ภูผาม่าน อ.โคกโพธิ์ไชย อ.แวงน้อย และ อ.เขาสวนกวาง รวม 8 ตำบล 24 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 137 หลัง
จ.มหาสารคาม เกิดวาตภัยในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองมหาสารคาม อ.พยัคฆภูมิพิสัย อ.วาปีปทุม อ.แกดำ และ อ.บรบือ รวม 8 ตำบล 17 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 98 หลัง, จ.กาฬสินธุ์ เกิดวาตภัยในพื้นที่ อ.กมลาไสย รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 81 หลัง, จ.หนองคาย เกิดวาตภัยในพื้นที่ อ.เฝ้าไร่ รวม 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 41 หลัง, จ.สกลนคร เกิดวาตภัยในพื้นที่ อ.สว่างดินแดง รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 68 หลัง, จ.อุบลราชธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่ อ.น้ำขุ่น ต.ขี้เหล็ก 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 27 หลัง, จ.สุรินทร์ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.จอมพระ และ อ.ปราสาท รวม 4 ตำบล 8 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 69 หลัง
จ.ชัยภูมิ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.จัตุรัส และ อ.บ้านเขว้า รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 14 หลัง, จ.บุรีรัมย์ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ห้วยราช อ.สตึก อ.นางรอง และ อ.คูเมือง รวม 5 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 13 หลัง, จ.อุดรธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่ อ.หนองหาน ต.หนองไผ่ รวม 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 5 หลัง, จ.หนองบัวลำภู เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ศรีบุญเรือง อ.โนนสัง และ อ.เมืองหนองบัวลำภู รวม 3 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 5 หลัง และ จ.ศรีสะเกษ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.กันทรลักษ์ และ อ.วังหิน รวม 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 41 หลัง
ภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ จ.สระบุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่ อ.วังม่วง ต.วังม่วง รวม 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 14 หลัง
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในช่วงวันที่ 17-18 เมษายน 2561 จะเกิดพายุฤดูร้อนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ในลักษณะพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อน โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย
นอกจากนี้ ยังได้แจ้งเตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับมือและระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์ภัย โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด ส่วนเกษตรกรให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้หรือที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป