"ถ้า ปชช.ไม่เห็นด้วย กทม.ก็จะไม่เข้าไปยุ่ง" อัศวินยอมถอยยึดคืนหอศิลป์ ?

สังคม
15 พ.ค. 61
10:26
1,366
Logo Thai PBS
 "ถ้า ปชช.ไม่เห็นด้วย กทม.ก็จะไม่เข้าไปยุ่ง" อัศวินยอมถอยยึดคืนหอศิลป์ ?
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ระบุเกี่ยวกับกรณี กทม.เตรียมยึดคืนหอศิลป์ ผ่านเฟซบุ๊กว่า ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วย กทม.ก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพัฒนาในพื้นดังกล่าว ขณะที่วันนี้สภา กทม.จะมีการประชุมหารือเพื่อหาข้อสรุปกรณีดังกล่าว

วานนี้ (14 พ.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศว่า กทม.จะเข้าบริหารหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครแทนมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.อัศวิน  โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ผู้ว่าฯ อัศวิน”  โดยมีข้อความระบุว่า “Ars longa vita brevis” ประโยคดังกล่าวได้รับการแปลอย่างลึกซึ้ง โดย ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี มีใจความว่า "ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น” แสดงถึงความสำคัญของศิลปะ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องการสนับสนุนให้ประชาชนมีพื้นที่สาธารณะปราศจากการแทรกแซงเพื่อสร้างสรรค์งานศิลป์ ไม่ว่าจะใช้เพื่อการแสดงออก เพื่อศึกษาหรือร่วมแบ่งปันงานศิลป์ และหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในจุดสำคัญของประเทศที่ใช้ในการทำกิจกรรมเหล่านี้

จากการที่มีกระแสข่าวในทำนองว่า กทม.จะนำพื้นที่ในหอศิลป์ฯทั้งหมดไปทำอย่างอื่น? หรือ แม้กระทั่งนำไปทำห้างสรรพสินค้า!? รวมไปถึงแคมเปญออกมา คัดค้านการที่กทม.จะเข้ามาบริหารจัดการหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครด้วยตนเองนั้น

พล.ต.อ.อัศวิน ย้ำว่า กทม. ไม่เคยคิด และไม่มีทางที่จะทำลายสถานที่แสดงศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศเรา เพียงแต่เราต้องการพัฒนาสถานที่แห่งนี้ให้ได้ใช้ประโยชน์สูงสุด ปัจจุบันพื้นที่บางส่วนของหอศิลป์ฯ ยังไม่ได้มีการใช้ประโยชน์ เราต้องการนำพื้นที่เหล่านั้นมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ หนึ่งในแนวทางที่อยากจะปรับปรุงก็คือ การนำพื้นที่เหล่านั้นมาปรับเป็นให้เป็นสถานที่ที่ทุกคนได้เข้ามาใช้ สร้างสรรค์งานศิลป์ ทำงาน พบปะ และ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือที่เรียกกันว่า co-working space ในส่วนนิทรรศการก็ยังจะต้องใช้เพื่อแสดงงานศิลปะและวัฒนธรรมอย่างเดิม


แต่การที่กทม.จะเข้าไปพัฒนาพื้นที่ส่วนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์นั้น อาจติดด้วยระเบียบและกฎหมายการมอบกิจการให้มูลนิธิ กทม.จึงมีเป้าหมายที่จะพัฒนาพื้นที่เหล่านั้น เพื่อให้ทุกคนมีพื้นที่ที่ให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันและดึงดูดให้ประชาชนสนใจงานศิลป์มากขึ้น สำหรับแนวทางการพัฒนานั้นอาจมีการดึงผู้ที่เกี่ยวข้องและมีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญ มาช่วยพัฒนา

ผมเชื่อมั่นว่า ศิลปะเป็นเรื่องของอิสระทางความคิดและจินตนาการ ศิลปะเป็นสิ่งจรรโลงใจหาใช่เพื่อวัตถุประสงค์ใด และ สถานที่แสดงศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าแห่งนี้จะต้องยังคงอยู่เพื่อประชาชนทุกคนครับสุดท้ายนี้ ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วย กทม.ก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพัฒนาในพื้นดังกล่าวครับ

ทั้งนี้ มีรายงานว่าสภา กทม. จะมีการประชุมผู้บริหาร กทม. เพื่อหาข้อสรุปว่า ให้มูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครบริหารต่อ หรือ กทม.ยึดคืนมาบริหารด้วยเอง หลังหมดสัญญา ในปี 2564 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง