วันนี้ (18 มิ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ณรัช เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการบังคับโทษตามคำพิพากษาของศาลด้วยการประหารชีวิตนักโทษเด็ดขาดชายธีรศักดิ์ หลงจิ อายุ 26 ปี ผู้ต้องขังในคดีฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณโหดร้ายเพื่อชิงทรัพย์ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2555 ที่ จ.ตรัง โดยนักโทษเด็ดขาดคนดังกล่าวได้ทำร้ายและบังคับให้เอาทรัพย์สิน คือ โทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าสตางค์ รวมทั้งใช้มีดแทงผู้เสียชีวิต รวม 24 แผล เป็นเหตุให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนเป็นผลให้คดีถึงที่สุด
ขณะที่การบังคับโทษประหารชีวิตเป็นการดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ประกอบมาตรา 19 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประหารชีวิตนักโทษ พ.ศ.2546 ซึ่งกำหนดให้ดำเนินการด้วยวิธีการฉีดยาหรือสารพิษให้เสียชีวิต นับเป็นผู้ต้องขังคนที่ 7 นับแต่มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 16) พ.ศ.2546 ซึ่งเปลี่ยนวิธีการบังคับโทษประหารชีวิตจากการยิงเสียชีวิตเป็นการฉีดสารพิษ
โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2478 ถึงปัจจุบันมีการบังคับโทษประหารชีวิตแล้ว 325 คน แยกเป็น
- การใช้อาวุธปืนยิงจำนวน 319 คน ยิงครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2546
- การฉีดยาสารพิษ จำนวน 6 คน โดยฉีดครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2546 และครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2552
ทั้งนี้ การประหารชีวิต ถือเป็นบทลงโทษทางอาญาที่หนักที่สุดตามกฎหมายไทย ซึ่งมีโทษ 5 อย่าง คือ ปรับ ริบทรัพย์สิน กักขัง จำคุก และประหารชีวิต แม้หลายประเทศได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตไปแล้ว แต่ก็มีอีกหลายประเทศที่ยังคงมีโทษประหารชีวิตอยู่ เช่น สหรัฐอเมริกา และจีน ซึ่งเน้นการปกป้องสังคมและพลเมืองส่วนใหญ่ให้พ้นจากการตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมมากกว่าเน้นสิทธืเสรีภาพของปัจเจกบุคคลที่กระทำผิดกฎหมาย