ผู้ว่าฯ เชียงราย ปรับแผนใหม่ลำเลียง "ทีมหมูป่า"ออกทีละคน

ผู้ว่าฯ เชียงรายปรับแผนใหม่ ชี้การลำเลียงทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวงทั้ง 13 คนพร้อมกันคงเป็นเรื่องยาก ต้องทยอยนำออกมาทีละคน โดยคำนึงถึงสุขภาพเป็นสำคัญ ขณะที่กรมอุทยานฯเร่งระดมทำฝายเบี่ยงเส้นทางน้ำด้านทิศใต้เข้าถ้ำ คาดตัดยอดน้ำได้เฉลี่ย 1 หมื่นลิตรต่อชั่วโมง

วันนี้ (4 ก.ค.2561) นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย (ศอร.) กล่าวว่า ภารกิจทั้งหมดได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเพื่อดูแลทั้งส่วนของการช่วยเหลือสนับสนุนการค้นหา และงบประมาณมีเพียงพอต่อการทำงาน ยืนยันว่าการขอรับบริจาคที่ไม่ได้ผ่านจากผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหมด ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควร

สำหรับการวางแผนนำทีมหมูป่าทั้ง 13 คนที่ติดอยู่ถ้ำหลวง ยืนยันว่าวันนี้ยากที่นำทั้ง 13 คนออก แม้สภาพร่างกายแข็งแรง แต่ยังไม่พร้อมจะดำน้ำออกมา แต่หากสภาพร่างกายใครแข็งแรงก็จะนำออกมาก่อน ไม่จำเป็นต้องออกมาพร้อมกันทีเดียว 13 คน ส่วนการสอนดำน้ำ เบื้องต้นให้ทดลองใส่หน้ากากเพื่อสอนหายใจ แต่ยังไม่ให้ลงน้ำ เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยว

ผู้ว่าฯเชียงราย กล่าวอีกว่า ส่วนการสูบน้ำออกจากถ้ำยังเป็นเรื่องหลัก ตอนนี้พบจุดที่คาดว่าน้ำไหลเข้าถ้ำ 2 จุด คือทางตอนเหนือของถ้ำปิดได้แล้ว และทางตอนใต้ของถ้ำ ขณะนี้อยูระหว่างปิด ขณะเดียวกันการเดินสายโทรศัพท์ ซึ่งเดิมจะส่งโทรศัพท์เข้าไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) แต่เกิดปัญหาถุงซีนรั่ว ทำให้โทรศัพท์เปียกน้ำ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการนำเครื่องใหม่เข้าไป

ภารกิจทุกอย่างยังคงดำเนินการตามแผนเดิม การสูบน้ำต้องทำต่อ โดยสูบน้ำออกจากถ้ำ พร้อมกับการระบายน้ำออกจากใต้ดิน และปิดกั้นทางไหลของน้ำบนภูเขา หลังจากพบสองจุดใหญ่ที่มีน้ำไหลลงถ้ำ จุดแรกทางตอนเหนือของถ้ำ ทีมฝ่ายทหารเข้าไปปิดทางน้ำเข้า ส่วนอีกจุดพบทางทิศใต้ โดยทางเจ้าหน้าที่อุทยานเข้าไปดำเนินการปิดกั้นและเบี่ยงทางน้ำให้พ้นถ้ำ

สำหรับการบริหารจัดการพื้นที่ แต่ละหน่วยมีแผนดำเนินการของแต่ละหน่วยอยู่แล้ว มีทั้งแผนบุก แผนถอย และแผนฟื้นฟู ในระยะยาว เมื่อภารกิจต่างๆ เสร็จสิ้น แผนฟื้นฟูจะทำแบบต่างประเทศ คือเล่าเรื่องราวว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ถ้ำแห่งนี้ จุดไหนทำอย่างไร และอาจจะมีการกำหนดจุดว่าสามารถเข้าไปได้ถึงบริเวณไหน

ด้านพล.ต.ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ขณะนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้อนุมัติเพิ่มกำลังพล จากกรมทหารราบที่ 21 มณฑลทหารบกที่ 34 และหน่วยบัญชาการรบพิเศษมาเสริมเพื่อช่วยหน่วยซีลลำเลียงสิ่งของภายในถ้ำ ส่วนด้านบนเขายังคงลาดตระเวนเพื่อหาปล่องโพรง โดยได้รับความร่วมมือจากหลายด้าน เพื่อจะช่วยนำน้องๆ ออกมาจากถ้ำอย่างปลอดภัยที่สุด

พบจุดทิศใต้น้ำเข้าถ้ำหลวง-ทำฝายเบี่ยง

ส่วนนายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่าลำห้วย 2 ห้วยคือ ผาฮี้ และผาหมี ที่น้ำไหลรวมกันเป็นห้วยมะกอก ซึ่งเป็นเส้นทางเติมน้ำเข้ามาในถ้ำหลวงทางทิศใต้ โดยกรมชลประทานวัดปริมาณน้ำและเจอโพรงน้ำหาย 50 เปอร์เซ็นต์ และขณะนี้จะเริ่มทำฝายปิดเส้นทางน้ำนี้แล้ว มีทหาร กรมชลประทาน กรมอุทยานฯ และชาวบ้านจะเข้ามาช่วยทำฝาย โดยจะเดินท่อต่อน้ำ 6 เส้นระยทาง 1,200 เมตร และหากทำเสร็จจะลดปริมาณน้ำจากจุดนี้เข้าถ้ำหลวงเฉลี่ย 10,000 ลิตร

นายจงคล้าย ยืนยันว่า หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจทุกอย่างแล้วเสร็จ จะมีการฟื้นฟูโพรงทีมีขุดเจาะไปแล้ว 3 โพรง ซึ่งจะมีการอุดโพรงที่ไม่เชื่อมต่อกับถ้ำ ซึ่งทำได้ไม่ยาก ส่วนฝายที่เบี่ยงทางน้ำไว้ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะรื้อออกทั้งหมด เพื่อให้ระบบนิเวศน์กลับมาเหมือนเดิม

พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 กล่าวถึงการพร่องน้ำว่า ขณะนี้มีการระบายน้ำออกจากทางปีกซ้าย และขวาของถ้ำทรายทอง ระดับน้ำลดลงมากแล้ว ถ้าฝนไม่ตก การระบายน้ำจะทำได้เร็วขึ้น ขอบคุณพี่น้องประชาชนพื้นที่รับน้ำที่ให้ระบายน้ำลงพื้นที่ ขณะนี้ได้ช่วยกันเปิดทางน้ำ เพื่อให้ระบายได้เร็วขึ้น โดยใช้ปั๊มพญานาค 4 ตัว หลังน้ำลดแล้วพบถ้ำอีก 1 แห่ง กำลังส่งทีมเข้าตรวจสอบ เพื่อหาทางเชื่อมโยงกับจุดที่น้องๆ อยู่

ขณะที่การติดตั้งสายสื่อสาร นายจิรวัฒน์ คำไชยเทศ เจ้าหน้าที่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตอนนี้ได้มีการติดตั้งตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ติดตั้งไปแล้ว300เมตร คือโถง1 ซึ่งวันนี้ตั้งใจจะติดตั้งให้ถึงโถง 3 คือจุดบัญชาการของหน่วยซีล รวมระยะทางกว่า1,500เมตร จากนั้นค่อยขยายเข้าไปจุดเนินนมสาว โดยอุปสรรคที่เจอคือต้องดำน้ำเข้าด้วย