Insight : ฆาตกรรมอำพราง ตอน 3 ฆ่า...ฝังดิน

อาชญากรรม
1 ต.ค. 61
11:16
1,220
Logo Thai PBS
Insight : ฆาตกรรมอำพราง ตอน 3  ฆ่า...ฝังดิน
เปิดเบื้องหลังฆาตกรรมอำพราง สามี-ภรรยา จ.แพร่ ตอน 3 ฆ่า...ฝังดิน

"ตำรวจคาดว่า ช่วงเวลาที่คนร้ายก่อเหตุ คือเย็นวันที่ 18 ถึงเช้าวันที่ 19 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา โดยมีการวางแผนเอาไว้ก่อน และเชื่อว่าคนร้าย มีมากกว่า 1 คน"

อ่านย้อนหลัง
Insight : ฆาตกรรมอำพราง ตอน 1 เหตุ...ไม่เป็นปกติ
Insight : ฆาตกรรมอำพราง ตอน 2 รถ...ที่หายไป

มีข้อมูลจากญาติว่า ก่อนการหายตัวไปของนายอลันและนางหน็ตไม่เกิน 2 สัปดาห์ ทั้ง 2 คนได้มีปากเสียงทะเลาะกับนายหนัตอย่างรุนแรง นางหน็อต (น้องสาว) เอ่ยปากขับไล่นายหนัต (พี่ชาย) ออกจากบ้านและไม่ให้กลับมาทำงานที่สวนอีก แต่ไม่มีการยืนยันข่าวที่ว่านายอลัน “ถึงขั้นลงไม้ลงมือ” เนื่องจากไม่พอใจกับปัญหาที่นายหนัตก่อ จุดนี้..มีเพียงนายหนัตเท่านั้นที่จะรู้ว่าคือปัญหาอะไร แม้แต่คนใกล้ตัวอย่างนางติ๋วยังไม่ทราบ

ญาติเล่าว่า การทะเลาะกันนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ก็ไม่เคยหนักหนา ที่ผ่านมาญาติเกือบทุกคนก็ทราบดีถึงปัญหาการเงินของนายหนัต อธิบายให้เข้าใจง่ายก็คือ..นายหนัตมักจะมาขอยืมเงินนางหน็อตอยู่บ่อยครั้ง และหลายครั้งที่ต้องมาช่วยรับผิดชอบปัญหาที่นายหนัตเป็นคนก่อ เช่น การไปไถ่ถอนรถที่นายหนัตแอบนำไปจำนำ การขอยืมเงินนายอลันแล้วไม่คืน รวมถึงปัญหาล่าสุด ที่นายอลันและนางหน็อตทราบว่านายหนัตประกาศขายรถแบ็กโฮ ซึ่งนายอลันยืมชื่อนายหนัตเป็นผู้ซื้อ

นี่ยังไม่รวมกับปัญหาที่นายอลันและนายหน็อตมาทราบภายหลัง ว่าการตั้งให้เป็นคนดำเนินการในการซื้อที่ดินบ้านสวนเมื่อราว 10 ปีก่อนนั้น นายหนัตแอบเพิ่มส่วนต่างขึ้นอีก 1 ล้านบาท โดยจาก 2 ล้านบาทเป็น 3 ล้านบาท แอบเพิ่มส่วนต่างค่าทำสะพานเชื่อมเข้าบ้านสวน จาก 3 แสนบาทเป็น 8 แสนบาท แอบลดสเปกวัสดุก่อสร้างร้านอาหารกวางทอง จนไม่เป็นไปตามแบบ

เมื่อรวมกับคำให้การคดีลักทรัยพ์ (รถ) ของนายสิทธิ์ (นายหน้าค้ารถ) นายตู่ (คนขับ) และแม่นายตู่ ตำรวจจึงให้น้ำหนักว่า “นายหนัต เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย” ของการหายตัวไป

ระหว่างชุดสืบสวนสอบสวน จ.แพร่ ติดตามทำคดีรถหาย เวลาเดียวกันมีคำสั่งให้ชุดสืบสวนสอบสวนภาค 5 มาติดตามและคลี่คลายปม เพราะมั่นใจว่า ทั้ง 2 คนอาจกำลังตกอยู่ในอันตราย หรือถูกฆาตกรรมอำพรางไปแล้ว

 

ราว 5 วัน (24 กันยายน 2561) ในการสืบสวนสอบสวน จากเบอร์โทรศัพท์ของนายหนัตที่ใช้ติดต่อสื่อสารย้อนหลังหลายเดือน โดยประสานขอความร่วมมือเจ้าของเครือข่าย เพราะข้อมูลในโทรศัพท์จำนวนหนึ่งถูกลบไปแล้ว จนทราบว่ามีการติดต่อไปหาอดีตมือปืนที่ปัจจุบันผันตัวเองเป็นนักพนัน แม้จะปฏิเสธแต่ก็พอทราบว่า “ใครเป็นคนรับงานนี้” จนทำให้สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยคือนายเปี้ย หรือเสือทองวังชิ้น และนายกิติพงษ์ (ญาตินายเปี้ย) มาสอบเค้นนานกว่า 5 ชั่วโมง ทั้ง 2 คน “ให้การรับสารภาพ” พร้อมกับโดยซัดทอดว่านายหนัตเป็นคนจ้างวาน แลกกับเงิน 50,000 บาท (เสือทองได้เงิน 47,000 บาท ส่วนนายกิติพงษ์ได้เงิน 3,000 บาท)

การสอบปากคำเพิ่มในบ่ายวันที่ 25 กันยายน 2561 โดย พล.ต.ท.พูนทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ก็ทำให้ทราบถึงแรงจูงใจว่ามาจากความขัดแย้งในครอบครัวที่สะสมมานาน จนทำให้นายหนัต ตัดสินใจฆาตกรรมน้องสาวและน้องเขย โดยใช้ช่วงจังหวะที่ทราบว่าทั้ง 2 คนจะเดินทางไป จ.เชียงใหม่ “จึงต้องการให้ทุกคนเข้าใจว่า ได้ออกจากบ้านไปแล้ว” ผ่านการคิดและวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

เย็นวันที่ 18 กันยายน 2561

เวลาประมาณ 16.30 น. ที่บ้านของนายหนัต ซึ่งอยู่บริเวณปากทางเข้าบ้านของนายอลันและนางหน็อตน้องสาว นายเปี้ยและนายกิติพงษ์ให้การว่า ได้มานั่งพูดคุยนัดแนะกันกับนายหนัต ขณะที่รอให้คนงานคือนายสมและนายล้วนกลับบ้าน ซึ่งจะผ่านจุดนี้

ราว 18.00 น. ระหว่างนายอลัน สก็อต ฮอกก์ ได้ขับรถ ATV คันโปรด มาดูความเรียบร้อย ทั้งประตูบ้าน รั้วกั้นฝูงวัว และเล้าเป็ดริมลำห้วย หลังร้านอาหารกวางทอง ซึ่งตอนนี้เป็นร้านอาหารร้าง นายเปี้ยซึ่งซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บของได้ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นจ่อยิง กระสุนกระจายเล็กน้อยเข้าที่ขมับซ้ายและอกขวาจนเสียชีวิต

 

เวลาเดียวกันที่โรงจอดรถติดตัวบ้าน ขณะที่นางหน็อตกำลังเก็บมะนาวเพื่อเตรียมนำไปฝากให้คนสนิทที่ จ.เชียงใหม่ (19 กันยายน 2561) และตกใจเสียงปืน นายกิติพงษ์เดินเข้ามาหา แล้วจับนางหน็อตกดให้นอนกับพื้นในลักษณะคว่ำหน้า จากนั้นนายหนัตซึ่งเป็นพี่ชาย คว้าประแจหรือคีมคอม้าตีที่ศีรษะด้านหลังจนนางหน็อตแน่นิ่งไป จากนั้นทั้ง 3 คนช่วยกันทำลายหลักฐาน โดยนำร่างนายอลันและนางหน็อตฝังบริเวณริมล้ำห้วย โดยนายหนัตเป็นคนขับรถแบ็กโฮ โดยใช้เทคนิคขุดลงไปเป็นชั้น จำนวน 2 ชั้น ลึก 3 เมตร ต่อมาเวลา 19.00 น. น้ำมันหมด ผู้ต้องหาคนหนึ่งนำถังน้ำมันออกมาซื้อน้ำมันเพิ่ม

จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 คนกระทำการอย่างใจเย็น คงเพราะย่านนั้นไม่มีบ้านของชาวบ้าน ไม่มีแม้แสงไฟ ไม่มีใครตื่นตระหนก รู้ขั้นตอนสิ่งที่จะทำก่อนหลังเป็นอย่างดี

เวลา 19.30 น.การขุดดำเนินต่อ ประกอบกับขณะนั้นเกือบมืดสนิทและเริ่มมีฝนตก ทั้ง 3 คนช่วยกันโยนร่างนายอลันและนางหน็อตลงไปยังก้นหลุม ก่อนจะฝังกลบ และใช้แบ็กโฮกดทับซ้ำ จากนั้นพากันมาที่บ้านของนายหนัต เพื่อล้างเนื้อล้างตัว พูดคุยกันเล็กน้อยและแยกย้าย

นายเปี้ย ซึ่งเป็นคนยิงนายอลันรับสารภาพว่า ขณะกลับบ้านได้นำอาวุธปืนทิ้งลงในแม่น้ำยมที่สะพาน อ.วังชิ้น เพื่อทำลายหลักฐาน เพราะกลัวว่านายหนัตอาจจะถูกจับหรือหักหลัง และตนจะถูกจับกุม ก่อนจะเข้าบ้านทำตัวปกติ

(คงปฏิเสธไม่ได้ว่า นางติ๋ว ภรรยานายหนัต อาจไม่มีส่วนรู้เห็น เพราะปกติ นายหนัตมักจะไปดื่มเหล้าและเข้าบ้านช่วงเวลาหัวค่ำอยู่แล้ว ซึ่งทั้งคืนก็อยู่กับนายหนัตตามปกติจนถึงเช้า)

ก่อนที่รุ่งเช้าวันที่ 19 กันยายน 2561 นายหนัตจะนำรถไปขาย เพื่อนำเงินมาจ่ายเป็นค่าจ้างให้กับนายเปี้ยและนายกิติพงษ์

25 กันยายน 2561 เวลา 09.00 น.

ตำรวจประสานขอแบ็กโฮคันใหญ่ โดยวันนี้แปลกไปกว่าทุกวัน คือเจ้าหน้าที่ได้กลิ่นเหม็นขึ้นมาจากใต้ดินที่เคยขุดลงไปราว 2 เมตร จึงแจ้งชุดพิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่กู้ภัย จ.แพร่ เข้าร่วมปฏิบัติการด้วย ขณะที่ญาติของนางหน็อตและญาตินายอลันซึ่งบินมาจากประเทศอังกฤษ รวมถึงกงสุลกิตติมศักดิ์ สหราชอาณาจักร ประจำเชียงใหม่ มาร่วมสังเกตุการณ์

ท่ามกลางสื่อมวลชนเกือบทุกสำนักและชาวบ้านที่ทราบเรื่อง ทุกคนต่างหวังให้เจอ เพราะจุดนี้ขุดมาแล้วถึง 3 ครั้งแต่ก็ยังไม่พบ การขุดดำเนินไปกว่า 2 ชั่วโมง ลึกลงไปราว 3 เมตร เจ้าหน้าที่ก็พบร่างของนางหน็อตและนายอลัน

 

นับเป็นฝันร้ายครั้งที่ 2 ของครอบครัวสุดแดน หลัง 20 ปีก่อนต้องเสียน้องชายคนสุดท้องซึ่งถูกฆาตกรรมอำพรางในพื้นที่ภาคใต้ ในลักษณะใกล้เคียงกันกับครั้งนี้ ซึ่งตอนนั้นเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 1 เดือนก่อนจะพบร่างผู้เสียชีวิต แต่จนถึงวันนี้ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ ท่ามกลางความเคลือบแคลงใจของครอบครัว

แม้จะปิดคดีฆาตกรรมอำพรางสามี-ภรรยา ที่บ้านพักกลางป่านี้ได้ แต่ในมุมของตำรวจ ทั้งชุดสืบสวนสอบสวนภาค 5 และสืบสวนสอบสวน จ.แพร่ ที่ทำคดีนี้ ทุกคนทราบดีว่า “คดีนี้...ไม่ได้ง่าย”

(เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเพียงคำบอกเล่า จากคนใกล้ชิด และการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ซึ่งยังไม่มีการสรุปสำนวนคดีแต่อย่างใด)

พิเชษฐ์ ตัณติโรจนกุล ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส

ข่าวที่เกี่ยวข้อง