เมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.2561) การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่สนามบูกิต จาลิล โดยมาเลเซีย เปิดบ้านพบกับ แชมป์เก่า ทีมชาติไทย ท่ามกลางแฟนบอลเสือเหลืองที่เข้ามาส่งเสียงเชียร์กว่า 85,000 คน โดยสถิติที่ผ่านมา ทีมชาติไทยชุดใหญ่ยังไม่เคยบุกมาเอาชนะ มาเลเซีย ในการลงเล่นที่สนามแห่งนี้
มิโลวาน ราเยวัช เฮดโค้ชทีมชาติไทย ยังคงยึดแท็คติกเน้นเกมรับเป็นหลัก โดยส่ง มิก้า ชูนวลศรี, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, พรรษา เหมวิบูลย์ และกรกช วิริยอุดมศิริ ลงสนาม
รูปเกมครึ่งแรก เป็นไปตามคาด มาเลเซียเปิดเกมรุกใส่ไทยอย่างหนัก โดยมี ชาห์รูล อิดลาน ตาลาฮา กับ โมฮามาดู ซูมาเรห์ คอยปั่นป่วนแนวรับไทย แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบคม สวนทางกับแท็คติกของ ราเยวัช ที่เน้นรับเหนียวแน่น และใช้โอกาสโต้กลับในการลุ้นประตู แต่สุดท้ายการบุกแต่ละครั้งไม่เข้าเป้า เหมือนอย่างที่เคยทำได้ในรอบแรก
ส่วนครึ่งหลัง ราเยวัช ยังเน้นแท็คติกเกมรับเหนียวแน่นเป็นหลักเช่นเดิม พร้อมส่ง ปกเกล้า อนันต์ มาแทน ศุภชัย ใจเด็ด เพื่อแพ็คแดนกลางให้เหนียวแน่นขึ้น สวนทางกับมาเลเซียที่บุกอย่างหนักหวังทำประตู แต่สุดท้ายไม่เด็ดขาด จบ 90 นาที เสมอกัน 0-0 ทำให้ทีมชาติไทยชุดใหญ่ยังไม่สามารถบุกมาเอาชนะ มาเลเซีย ที่สนามแห่งนี้เป็นเวลา 32 ปี
สำหรับสถิตินัดนี้ระบุชัดเจน มาเลเซีย ครองบอลมากกว่าถึง 63.2 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงมีโอกาสยิงถึง 15 ครั้ง ส่วนทีมชาติไทยครองบอลเพียง 36.8 เปอร์เซ็นต์ และมีโอกาสยิงเพียง 5 ครั้งเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม นักฟุตบอลทีมชาติไทยยังมั่นใจการไม่เสียประตูในนัดนี้ คือผลดีที่จะทำให้เล่นง่ายในเกมที่บ้าน นัด 2
เกมรอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ทีมชาติไทย จะเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน พบกับ มาเลเซีย ในวันพุธที่ 5 ธันวาคม เวลา 19.00 น. โดยบัตรเข้าชมการแข่งขันยังมีเหลือให้แฟนบอลเข้ามาเชียร์ทีมชาติไทย
