เปิดสถิติอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ เสียชีวิตไม่ต่ำกว่าปีละ 300 คน

อาชญากรรม
25 ธ.ค. 61
11:07
3,175
Logo Thai PBS
เปิดสถิติอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ เสียชีวิตไม่ต่ำกว่าปีละ 300 คน
เปิดสถิติอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 10 ปี พบเกิดอุบัติเหตุโดยเฉลี่ยอย่างน้อยปีละ 3,000 ครั้ง และเสียชีวิตไม่ต่ำกว่าปีละ 300 คน ส่วนใหญ่มาจากเมาสุราและขับรถเร็วเกินกำหนด ขณะที่กรมทางหลวงแนะทางเลี่ยง 11 เส้นทาง เดินทางสู่ภูมิภาคต่างๆ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562

วันนี้ (25 ธ.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงวันหยุดเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของแต่ละปี พบว่ามักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง สาเหตุส่วนใหญ่มักจะมาจากเมาสุราและขับรถเร็วเกินกำหนด ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนไม่น้อย บางคนต้องกลายเป็นผู้พิการไปตลอดชีวิต ส่วนการรายงานสถิติอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยโดยองค์การอนามัยโลกในปีล่าสุด พบว่าประเทศไทยอยู่อันดับที่ 9 ของโลก มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 22,491 คน ลดลงจากอันดับ 2 ของโลก จากการรายงานในครั้งก่อน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ยังสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก 

ตั้งเป้าตายจากอุบัติเหตุต้องไม่เกิน 21 คนต่อ 1 แสน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตั้งเป้าในปี 2563 ประเทศไทยต้องมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนไม่เกิน 21 คนต่อประชากร 1 แสนคน ถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย เนื่องจากปัจจุบันมียอดผู้เสียชีวิตตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 9 ของโลก มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนอยู่ที่ 32.3 คนต่อประชากร 1 แสนคน ซึ่งเป็นรายงานผลปี 2561 แต่เป็นข้อมูลอุบัติเหตุของปี 2559 จากเดิมข้อมูลอุบัติเหตุในปี 2557 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 2 ของโลก มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนอยู่ที่ 36.2 คนต่อประชากร 1 แสนคน รัฐบาลจึงให้ความสำคัญต่อความปลอดภัย

 

 

"เมาขับรถ" ต้นเหตุคร่าชีวิตคนไทย 

ด้าน น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผอ.สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในงานแถลงข่าวโครงการ "โลว สปีด" (Low Speed) มีสิทธิ์รอดกลับบ้านปลอดภัย ปีใหม่ 2562" ว่า จากข้อมูลศูนย์ความปลอดภัยทางถนนช่วง 7 วันอันตราย 3 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่ 2559-2561 มีผู้เสียชีวิตรวม 1,281 คน บาดเจ็บ 11,578 คน เกิดเหตุ 11,119 ครั้ง สาเหตุจากขับรถเร็วและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีงานวิจัยระบุว่า ถ้าขับรถเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าเกิดอุบัติเหตุเทียบเท่ากับการตกตึก 5 ชั้น และหากขับรถ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะเทียบเท่ากับการตกตึก 19 ชั้น

นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผอ.สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ที่ผ่านมา อุบัติเหตุเกิดขึ้นบริเวณทางตรงร้อยละ 64.91 รถเสียหลักทางโค้งร้อยละ 21.30 และทางแยกร้อยละ 11.03 สาเหตุของอุบัติเหตุ คือขับรถเร็วร้อยละ 43.36

สอดคล้องกับข้อมูลของกรมทางหลวงที่ระบุเกิดอุบัติเหตุบริเวณทางโค้ง 2,004 ครั้ง ทางแยก 1,083 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 2,285 คน บาดเจ็บ 12,995 คน ข้อมูลจากการวิเคราะห์จุดเสี่ยงจาก RTI (Road Traffic Injury) ทั่วประเทศ พบว่าจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง คือทางแยก-ทางร่วม เพราะขาดป้ายเตือน ลดความเร็ว โดยเฉพาะคนต่างถิ่นที่ไม่ชินเส้นทาง เช่นเดียวกับทางโค้ง จุดกลับรถ ขนาดถนนที่ขยายจาก 2 เลน เป็น 4 เลน คนในท้องถิ่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุนำรถจักรยานยนต์มาขี่ช่วงพลบค่ำ กะระยะไม่เป็น จึงเกิดอุบัติเหตุ

 

 

10 ปีตายเฉลี่ย 300-400 คน

ขณะที่ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ซึ่งเปิดเผยสถิติอุบัติเหตุในช่วง 7 วันอันตรายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค.2560 - 3 ม.ค.2561 พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 3,841 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 423 คน ผู้บาดเจ็บ 4,005 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี 139 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 17 คน และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี 145 คน

ส่วนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2559 - 4 ม.ค.2560 พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 3,919 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 478 คน ผู้บาดเจ็บ 4,128 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี และเชียงใหม่ 152 ครั้ง และจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี 33 คน และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี และเชียงใหม่ 164 คน

เทศกาลปีใหม่ 2559 ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2558 - 4 ม.ค.2559 พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 3,379 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 380 คน ผู้บาดเจ็บ 3,505 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 139 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 15 คน และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด คือ จ.เชียงใหม่ 140 คน

เทศกาลปีใหม่ 2558 ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.2557 - 5 ม.ค.2558 พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 2,997 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 341 คน ผู้บาดเจ็บ 3,117 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 133 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 18 คน และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 129 คน

เทศกาลปีใหม่ 2557 ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.2556 - 2 ม.ค.2557 พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 3,174 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 366 คน ผู้บาดเจ็บ 3,345 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ 127 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 21 คน และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ 137 คน

 

 

เทศกาลปีใหม่ 2556 ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.2555 - 2 ม.ค.2556 พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 3,176 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 365 คน ผู้บาดเจ็บ 3,329 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 144 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครปฐม 18 ราย และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 147 คน

เทศกาลปีใหม่ 2555 ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2554 - 4 ม.ค.2555 พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 3,093 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 335 คน ผู้บาดเจ็บ 3,375 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 115 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ และบุรีรัมย์ 18 คน และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 121 คน

เทศกาลปีใหม่ 2554 ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2553 - 4 ม.ค.2554 พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 3,497 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 358 คน ผู้บาดเจ็บ 3,750 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พิษณุโลก และเชียงราย 122 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ลพบุรี 13 คน และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 131 คน

เทศกาลปีใหม่ 2553 ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2552 - 4 ม.ค.2553 พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 3,534 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 347 คน ผู้บาดเจ็บ 3,827 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 125 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ นครราชสีมา 12 คน และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 146 คน

เทศกาลปีใหม่ 2552 ในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.2551 - 5 ม.ค.2552 พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 3,824 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 367 คน ผู้บาดเจ็บ 4,107 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 118 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 21 คน และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เพชรบูรณ์ 136 คน

 

 

แนะเส้นทางเลี่ยงช่วงปีใหม่ 

ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ จะมีการบังคับใช้กฎหมายด้านการจราจร ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินรถในถนนบางสาย ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. - 3 ม.ค. ในถนนเส้นทางสำคัญ เช่น ถนนมิตรภาพ ทับกวาง-คลองไผ่, ช่วงกบินทร์บุรี-นาดี และช่วงอรัญประเทศ-นางรอง นอกจากนี้ จะเข้มงวดจริงจังใน 10 ข้อหาหลัก ได้แก่ ขับขี่โดยใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด, ขับขี่รถย้อนศร, ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร, ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย, ไม่มีใบขับขี่, แซงในที่คับขัน, ขับรถเมาสุรา, ไม่สวมหมวกนิรภัย, ขับขี่โดยรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ส่วนมาตรการยึดรถนั้น ผู้ที่เมาแล้วขับจะถูกยึดรถ รวมทั้งจะตรวจสอบรถชนิดต่างๆ ในช่วงระดมกวาดล้างอาชญากรรม หากพบว่ามีการกระทำความผิดกฎหมายก็จะยึดรถเช่นกัน

ขณะที่กรมทางหลวงแนะ 11 เส้นทาง ให้ประชาชนใช้เป็นทางเลือกในการเดินทางออกจากกรุงเทพมหานครสู่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงรถติดในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562

 

 

กรุงเทพฯ-ภาคเหนือ
เส้นทางที่ 1
ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 31) หรือใช้ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ เข้าถนนพหลโยธิน ถึงต่างระดับบางปะอิน เลี้ยวซ้าย เข้าสายเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งสู่ จ.นครสวรรค์ เพื่อเดินทางสู่ภาคเหนือ

เส้นทางที่ 2
จากถนนรัตนาธิเบศร์ (สาย 302) ถึงต่างระดับบางใหญ่ เลี้ยวขวาเข้าถนนกาญจนาภิเษก ถึงต่างระดับบางบัวทอง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบางบัวทอง - สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) ผ่าน จ.สุพรรณบุรี จ.ชัยนาท เข้าสายเอเซีย ที่ อ.มโนรมย์ มุ่งสู่ จ.นครสวรรค์ เพื่อไปภาคเหนือ

เส้นทางที่ 3
จากถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันตก) ถึงต่างระดับเชียงรากน้อย เลี้ยวซ้ายเข้าสายบางปะอิน - บางปะหัน (ทางหลวงหมายเลข 347) เข้าสายเอเชีย ที่ อ.บางปะหัน เพื่อไปภาคเหนือ

 

 

เส้นทางเลี่ยงการจราจรติดขัด จ.นครสวรรค์
เส้นทางที่ 1
จากต่างระดับอินทร์บุรี เลี้ยวขวา ใช้ทางหลวงหมายเลข 11 ผ่าน อ.ตากฟ้า ท่าตะโก สากเหล็ก ถึงสามแยกวังทอง เลี้ยวซ้าย มุ่งสู่ จ.พิษณุโลก

เส้นทางที่ 2
เมื่อถึงแยกเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ (กม . 331+810 บนทางหลวงหมายเลข 1) เลี้ยวซ้าย ใช้ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ (ทางหลวงหมายเลข 122) ถึงสามแยกหนองตะโก
2.1 เลี้ยวซ้ายไป จ.กำแพงเพชร
2.2 เลี้ยวขวาไป จ.พิษณุโลก

กรุงเทพฯ-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เส้นทางที่ 4
จากถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันตก) มุ่งหน้าสู่ต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 5
จากถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก) มุ่งหน้าสู่ต่างระดับบางปะอิน เลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 6
จากต่างระดับรังสิต ไปตามถนนรังสิต - องครักษ์ (สาย 305) ตรงไป จ.นครนายก เลี้ยวขวาเข้าถนนสุวรรณศร (ทางหลวงหมายเลข 33) มุ่งสู่ อ.กบินทร์บุรี ถึงสี่แยกกบินทร์บุรี เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกบินทร์บุรี - ปักธงชัย (ทางหลวงหมายเลข 304) เพื่อไป จ.นครราชสีมา

เส้นทางที่ 7
ใช้ถนนรามอินทรา - สุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่านฉะเชิงเทรา, พนมสารคาม, กบินทร์บุรี, ปักธงชัย เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

 

 

เส้นทางเลี่ยงการจราจรติดขัด จ.สระบุรี
เส้นทางที่ 1
จากแยกเลี่ยงเมืองสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนรอบเมืองสระบุรีด้านตะวันออก (ทางหลวงหมายเลข 362) บรรจบถนนมิตรภาพ เลี้ยวขวาเพื่อมุ่งสู่ จ.นครราชสีมา

เส้นทางที่ 2
จากแยกเลี่ยงเมืองสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนรอบเมืองสระบุรีด้านตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 362) บรรจบทางหลวงหมายเลข 21 มุ่งหน้าไปทาง จ.เพชรบูรณ์ ถึงแยก อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2256 ถึง อ.ด่านขุนทด เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 201 ไป จ. ชัยภูมิ เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


กรุงเทพฯ-ภาคตะวันออก
เส้นทางที่ 8
จากถนนศรีนครินทร์ (ทางหลวงหมายเลข 3344) ใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ - ชลบุรี (มอเตอร์เวย์สาย 7) มุ่งสู่พัทยา ไปภาคตะวันออก

 

 

กรุงเทพฯ-ภาคใต้
เส้นทางที่ 9
ใช้ถนนธนบุรี - ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35 : พระราม 2) เข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) เดินทางสู่ภาคใต้

เส้นทางที่ 10
ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่าน อ.สามพราน จ.นครปฐม, โพธาราม, ราชบุรี อ.ปากท่อ เพื่อเข้าสู่ภาคใต้

เส้นทางที่ 11
จากขนส่งสายใต้ใหม่ ใช้ถนนบางกอกน้อย - นครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลข 338) เข้านครปฐม, ราชบุรี, เพชรบุรี สู่ภาคใต้

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

เช็ก! 10 ที่ทั่วไทยจัดเคานต์ดาวน์ 2562

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง