วันนี้ (5 ก.พ.2562) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการแก้ปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตร ฐานในกรุงเทพฯ และปริมณฑลว่า มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตั้งแผงพ่นละอองน้ำแรงดันสูง ลดปัญหาฝุ่นละออง และขอทุกฝ่ายอย่ามองการฉีดพ่นน้ำเป็นเรื่องตลก เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่บรรเทาปัญหาได้
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ทุกฝ่ายกำลังร่วมมือกันแก้ปัญหาฝุ่น โดยภาคอุตสาหกรรม ได้ปรับลดการผลิตขณะที่ภาคการขนส่ง ได้ปรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เช่นเดียวกับภาคการเกษตรที่ลดการเผา ซึ่งปริมาณค่าฝุ่นละอองมีทิศทางที่ดีขึ้น และหากมีความพร้อมก็จะพิจารณาปรับมาตรฐานคุณภาพอากาศ
ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแก้ปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ส่วนภาคอุตสาหกรรมจะมีการปิดโรงงานในบางเวลา หากมีความจำเป็นจริง ทั้งนี้สั่งการให้หยุดปรับปรุง 600 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโรงงานที่ต้องใช้ความร้อนด้วยการต้มน้ำ
ส่วนการสั่งปิดโรงเรียน เพราะเป็นห่วงสุขภาพเด็กเล็ก เนื่องจากค่าฝุ่นละออง PM2.5 จะส่งผลกระทบต่อเด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ อยากขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ให้ช่วยเหลือกัน ไม่ว่าจะเป็นการการแจกจ่ายหน้ากากป้องกันซึ่งถือเป็นความร่วมมือกันของคนไทย
โดยในระหว่างการแถลงข่าว นายกรัฐมนตรี ได้พกเครื่องวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ไว้ด้วย และคอยดูเป็นระยะๆ พร้อมบอกว่า ในห้องนี้วัดได้ประมาณ 30 แต่ให้ช่วยกันดู อย่าไปตื่นตระหนกเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง ไม่ขอโทษใคร เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาล จะต้องแก้ไขปัญหาต่อไป
ขณะที่เฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha โพสต์ข้อความว่า แม้ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าฝุ่นละอองจะปรับตัวลดลง แต่รัฐบาลยังไม่หยุดดำเนินการแก้ไขนะครับ ตอนนี้มีภาคอุตสาหกรรมที่อยู่ในข่ายมีความเสี่ยงและจำเป็นต้องแก้ไขอีกหลายโรงงาน และผมขอความร่วมมือจากภาคการเกษตรที่จะไม่เผาหลังเก็บเกี่ยว
ทั้งนี้ภาคขนส่งมวลชนก็ยังมีอีก 2,000 กว่าคันที่จำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขเรื่องควันดำ ซึ่งทั้งหมดรัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขทั้งระยะสั้น กลาง และยาว ท้ายที่สุดนี้ผมขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้ด้วยกันต่อไปครับ