พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์

พระราชสำนัก
4 พ.ค. 62
15:17
4,601
Logo Thai PBS
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์

วันนี้ (4 พ.ค.2562) เวลา 09.20 น.สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี เทียบรถยนต์พระที่นั่งที่พระทวารเทเวศรรักษา เสด็จเข้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร และดุริยางค์ เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ รวม 5 รูป ขึ้นนั่งบนอาสนะในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานสงฆ์ ถวายศีล จบแล้ว เสด็จเข้าในหอพระสุราลัยพิมาน ทรงเศวตพัสตร์ ทรงสะพักขาวขลิบทอง พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ กราบบังคมทูลเชิญเสด็จไปสู่มณฑปพระกระยาสนาน

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจากหอพระสุราลัยพิมานเข้ายังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ มีริ้วขบวนนำและตามเสด็จ จากพระที่นั่งไพศาลทักษิณไปยังชาลาพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ทรงจุดธูปเงินเทียนทอง สังเวยเทวดากลางหาว แล้วเสด็จขึ้นมณฑปพระกระยาสนานประทับเหนือตั่งอุทุมพรราชอาสน์ แปรพระพักตร์สู่ทิศบูรพาเพื่อสรงพระมุรธาภิเษก โหรหลวงลั่นฆ้องชัย

เวลาพระฤกษ์ 10.09 - 12.00 น. พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง เปิดพระครอบพระมุรธาภิเษก รัชกาลที่ 1 ถวายแล้ว ทรงวักน้ำจากพระครอบพระมุรธาภิเษก รัชกาลที่ 1 สรงพระนลาฏ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง ไขสหัสธาราอันเจือด้วยน้ำเบญจสุทธคงคาในแม่น้ำสำคัญทั้ง 5 ของราชอาณาจักรไทย ได้แก่

แม่น้ำเพชรบุรี ตักบริเวณท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ ตำบลสมอพลือ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี

แม่น้ำราชบุรี ตักที่บริเวณสามแยกคลองหน้าวัดดาวดึงษ์ ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

แม่น้ำเจ้าพระยา ตักที่ตำบลบางแก้ว บริเวณปากคลองบางแก้ว ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง

แม่น้ำป่าสัก ตักที่บริเวณบ้านท่าราบ ตำบลต้นตาล อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี

แม่น้ำบางปะกง ตักที่บึงพระอาจารย์ ตำบลพระอาจารย์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก

รวมทั้งน้ำ 4 สระ คือ สระเกษ สระแก้ว สระคงคา และสระยมนา ตำบลสระแก้ว อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเคยเป็นน้ำสรงพระมุรธาภิเษก สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชตามราชประเพณี มาแต่โบราณกาล ขณะนั้น โหรหลวงลั่นฆ้องชัย พระสงฆ์ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระมหามณเฑียรสถาน เจริญชัยมงคลคาถา พราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร และดุริยางค์ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารปืนใหญ่ ยิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร มหาปราบยุค กระบอกละ 10 นัด (ตามกำลังวัน
เสาร์) ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 101 นัด

 

เมื่อสรงสหัสธาราแล้ว สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระอนุวงศ์ และพราหมณ์ ถวายน้ำพระพุทธมนต์ และน้ำเทพมนตร์ ตามลำดับ

(ก) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายน้ำพระพุทธมนต์ ด้วยพระครอบพระกริ่ง รัชกาลที่ 4 ที่พระปฏษฎางค์

(ข) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายน้ำพระพุทธมนต์ ด้วยพระครอบยันต์เดิม รัชกาลที่ 4 ที่พระหัตถ์

(ค) พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษกที่พระหัตถ์ด้วยพระเต้าเบญจคัพย์ รัชกาลที่ 5

(ง) พลตรี หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระเต้านวเคราะห์ รัชกาลที่ 4 ทรงวักน้ำและทรงแตะที่พระนลาฏ

(จ) พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ ที่พระหัตถ์ด้วยพระเต้าเบญจคัพย์ รัชกาลที่ 1

(ฉ) พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ทูลเกล้าฯ ถวายพระมหาสังข์เพชรใหญ่ ทรงรับและทรงสรงน้ำเทพมนตร์เหนือเส้นพระเจ้า

(ช) พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ทูลเกล้าฯ ถวายพระมหาสังข์เพชรน้อย ทรงรับและทรงสรงน้ำเทพมนตร์เหนือเส้นพระเจ้า

(ซ) พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ ด้วยพระมหาสังข์พิธีพราหมณ์ที่พระหัตถ์ ด้วยพระมหาสังข์ทอง พระมหาสังข์นาก พระมหาสังข์เงิน พระมหาสังข์งา พระมหาสังข์สัมฤทธิ์ พระครอบเฟือง (สัมฤทธิ์) แล้วทูลเกล้าฯ ถวายแหวนใบกระถินทรงสวม ที่พระอนามิกาขวา (นิ้วนาง)

(ฌ) หม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคล ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าน้ำอภิเษกต่าง ๆ ทรงรับพระเต้ารดพระองค์ที่พระอังสา ซ้าย - ขวา เว้นแต่พระเต้าเทวบิฐ รัชกาลที่ 4 จะทรงรดที่พระชงฆ์และพระบาท

(ญ) พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง ทูลเกล้าฯ ถวายพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ ทรงรับและทรงสรงน้ำเทพมนตร์เหนือเส้นพระเจ้า

 

เสร็จสรงพระมุรธาภิเษกแล้ว มหาดเล็กสอดฉลองพระบาทถวาย และถวายฉลองพระองค์คลุม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นหอพระสุราลัยพิมาน

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงฉลองพระองค์ครุย สายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์ สายสร้อยจุลจอมเกล้า เสด็จออกจากหอพระสุราลัยพิมานเข้าพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร แปรพระพักตร์สู่บูรพาทิศเป็นปฐม พันโท สมชาย กาญจนมณี ปฏิบัติหน้าที่สมุหพระราชพิธี ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าเบญจคัพย์ รัชกาลที่ 1 สำหรับทรงรับน้ำอภิเษกประจำทิศโดยทักษิณาวรรต ดังนี้

- ทิศบูรพา (ตะวันออก) พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษกด้วยถ้วยศิลาจารึกพุทธคาถาเป็นทิศแรกแล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระครอบเฟือง (สัมฤทธิ์) เสร็จแล้ว ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระมหาสังข์ประจำทิศที่พระหัตถ์ทุกทิศ ตามลำดับ หลังผู้ถวายน้ำอภิเษก

- ทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้) หม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคล

- ทิศทักษิณ (ใต้) พลโท หม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล

- ทิศหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้) พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี

- ทิศประจิม (ตะวันตก) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

- ทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

- ทิศอุดร (เหนือ) นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา

- ทิศอีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ) นายจรัส สุวรรณเวลา ราชบัณฑิต

น้ำอภิเษกนี้ คือ น้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเทพมหานคร และ 76 จังหวัด ซึ่งได้พลีกรรมตักไปประกอบการพระราชพิธีแล้วมาทูลเกล้าฯ ให้ทรงแผ่พระราชอาณาปกครองประชาชนในทิศทั้ง 8 ตามลำดับ

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จแปรที่ประทับทรงรับน้ำอภิเษกนั้นไปตามทิศ แล้วประทับทิศบูรพา(แทนทิศกลาง) พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษกสำหรับทิศกลาง แล้วเจ้าพนักงานจะได้เชิญพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร มามอบให้พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ น้อมเกล้าฯ ถวายทรงรับและพระราชทานผู้เชิญรับเชิญไว้ ขณะนั้นพราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร และดุริยางค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ โดยริ้วขบวนไปประทับ เหนือพระที่นั่งภัทรบิฐภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร แปรพระพักตร์สู่ทิศบูรพา พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ กล่าวเวทสรรเสริญเปิดศิวาลัยไกรลาส

 

จบแล้ว เจ้าพนักงาน เชิญเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศจากพระแท่นมณฑลมีพระสุพรรณบัฏพระปรมาภิไธย เบญจราชกกุธภัณฑ์ ขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสงราชศัตราวุธ มามอบให้ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับแล้วทรงสวมและทรงวางบางองค์ไว้บนโต๊ะ 2 ข้างพระที่นั่งภัทรบิฐ เมื่อถวายพระธำมรงค์วิเชียรจินดาแล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ สอดฉลองพระบาทเชิงงอนถวาย เจ้าพนักงานเชิญเครื่องขัตติยราชูปโภค มาทอดถวาย ขณะทรงรับพระสุพรรณบัฏพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา พราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลา แกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย แตร มโหระทึก และดุริยางค์ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารปืนใหญ่ ยิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัยมหาจักร มหาปราบยุค กระบอกละ 10 นัด (ตามกำลังวันเสาร์) ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 101 นัด พระสงฆ์ในพระอารามทั่วราชอาณาจักรย่ำระฆังถวายชัยมงคล พระอารามละ 8 ลา

 

เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ถวายอนุษฏุภศิวมนตร์ จบแล้ว พราหมณ์เป่าสังข์ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ถวายอนุษฏุภวิษณุมนตร์ จบแล้ว พราหมณ์เป่าสังข์ และพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระปฐมบรมราชโองการพระราชทานอารักขา แก่ประชาชนชาวไทย และทรงหลั่งทักษิโณทกตั้งพระราชสัตยาธิษฐานจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ปกครองราชอาณาจักรไทยโดยทศพิธราชธรรมจริยา

เราจะสืบสานรักษาและต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศพระบรมราชโองการสถาปนาสมเด็จพระราชินี ให้ทรงดำรงราชฐานันดรศักดิ์ เป็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีเสด็จสู่หน้าพระที่นั่งภัทรบิฐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ พระราชทานใบมะตูม ทรงเจิม และพระราชทานพระสุพรรณบัฏ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคลนพรัตน์ราชวราภรณ์ และเครื่องราชอิสริยยศราชูปโภค แก่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปประทับ พระราชอาสน์เบื่องซ้าย พระที่นั่งภัทรบิฐ

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเปลื้องพระมหาพิชัยมงกุฎ และพระธำมรงค์ พระราชทานผู้เชิญรับเชิญไว้ ทรงโปรยดอกพิกุลทอง พิกุลเงิน พระราชทานแก่พราหมณ์แล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ถอดฉลองพระบาทเชิงงอน เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทางพระทวารเทวราชมเหศวร สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร ดับเทียนชัย พระสงฆ์ทั้งนั้นเจริญคาถาดับเทียนชัย ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ 80 รูป ในการพระราชพิธีนี้ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่งแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปประทับพักพระราชอิริยาบถ ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน

เสด็จออกมหาสมาคมรับการถวายพระพรชัยมงคล

เวลา 14.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงฉลองพระองค์ครุย สายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์ สายสร้อยจุลจอมเกล้า เสด็จออกพระทวารเทวราชมเหศวร มายังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์บนพระราชบัลลังก์ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ มีมหาดเล็กเชิญราชกกุธภัณฑ์ พระแสงรายตีนตอง พระแสงอัษฎาวุธ และถวายอยู่งานพัดโบก เจ้าพนักงานรัวกรับและเปิดพระวิสูตร เจ้าพนักงาน ชูพุ่มดอกไม้ทอง ให้สัญญาณ ชาวพนักงานประโคมกระทั่ง แตร มโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ขณะนั้น ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี คณบดีทูตและคณะทูตานุทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและคณะ ประธานศาลฎีกาและคณะ ประธานองค์กรอิสระและคณะข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และสมาชิกจุลจอมเกล้าเฝ้าฯ

 

เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลในนาม พระบรมวงศานุวงศ์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล ในนามคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล ในนามสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลพระกรุณา ถวายพระพรชัยมงคลในนามของข้าราชการตุลาการ

 

จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบแล้ว เจ้าพนักงานรัวกรับและปิดพระวิสูตร เจ้าพนักงานชูพุ่มดอกไม้ทองให้สัญญาณ ชาวพนักงานประโคมกระทั่งแตร มโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

ในการเสด็จออกมหาสมาคมวันนี้ เจ้าหน้าที่จะได้เทียบพระที่นั่งราเชนทรยาน ที่เกยพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ รถยนต์พระที่นั่งเทียบที่หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และเทียบเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ที่ท่าราชวรดิฐ

เสด็จพระราชดำเนินขบวนพระบรมราชอิสริยยศ

อนึ่ง ในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะได้เสด็จฯ โดยขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ไปทรงนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถวายบังคมพระบรมรูป สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชที่ปราสาทพระเทพบิดร แล้วเสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ถวายสมเด็จพระบรมราชบุพการี ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

 

เวลา 16.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงฉลองพระองค์ครุย สายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์ สายสร้อยจุลจอมเกล้า ทรงพระมาลาเส้าสูง เสด็จออกเกยหน้าพระทวารเทเวศรรักษา ประทับพระราชยานพุดตานทอง เสด็จฯ โดยขบวนพระบรมราชอิสริยยศไปเทียบเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดารามแล้ว เสด็จฯ ขึ้นชานพระอุโบสถ พลอากาศโท ภักดี แสง-ชูโต รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการกองพระราชพิธี กราบบังคมทูลรายงานเครื่องราชสักการะที่ทรงพระราชอุทิศพระราชทานให้ผู้แทนกระทรวงมหาดไทยเชิญไปถวายเป็นพุทธบูชาปูชนียสถานสำคัญ ตามต่างจังหวัดทั่วประเทศ 10 แห่ง ดังนี้

1.พระพุทธบาท วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
2.พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก
3.พระมหาธาตุ วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย
4.พระธาตุหริภุญชัย วัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดล าพูน
5.พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม
6.พระบรมธาตุ วัดพระบรมธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช
7.พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม
8.พระธาตุ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่
9.พระธาตุเชิงชุม วัดพระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร
10.พระบรมธาตุ วัดพระบรมธาตุไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

แล้วเสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะและถวายต้นไม้ทอง ต้นไม้เงิน บูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ พระพุทธเลิศหล้านภาไลย แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงศีลแล้วมีพระราชดำรัสประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก ในที่ชุมนุมสงฆ์และพระบรมวงศานุวงศ์กับข้าราชการ ขณะนั้น พระสงฆ์ 80 รูป มีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธาน พร้อมกันเปล่งสังฆวาจา “สาธุ” 3 ครั้ง แล้ว สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายอดิเรก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากพระอุโบสถ ไปยังปราสาทพระเทพบิดร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะแล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชแล้ว เสด็จออกจากปราสาทพระเทพบิดร เสด็จฯ ไปยังเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ประทับพระราชยานพุดตานทอง เสด็จฯ โดยขบวนพระบรมราชอิสริยยศไปยังเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เสด็จเข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียน เครื่องนมัสการบูชา พระพุทธรูปประจำพระชนมวาร พระบรมอัฐิ พระอัฐิ และเครื่องราชสักการะถวายบังคมพระบรมอัฐิ พระอัฐิ สมเด็จพระบรมราชบุพการีแล้ว พระสงฆ์สวดมาติกา จบ ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ 22 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก และถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินไปประทับพักพระราชอิริยาบถ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

เวลา 18.00 น. เจ้าพนักงานตั้งบายศรีแก้ว ทอง เงิน พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียน ข้าราชบริพาร ในพระองค์รับแว่นเวียนเทียนสมโภชหมู่พระมหามณเฑียร

เฉลิมพระราชมณเฑียร

เวลาพระฤกษ์ 13.19 - 20.30 น. เจ้าพนักงานเตรียมการพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียรในพระบรมมหาราชวังไว้พร้อม เวลาคำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จเข้าริ้วขบวน เชิญเครื่องพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ซึ่งตั้งในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เวียนประทักษิณ โดยรอบพระราชมณเฑียร

เวลา 20.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องฉลองพระองค์เฉลิมราชมณเฑียร ทรงพระสังวาลนพรัตน์ราชวราภรณ์ พระสังวาลพระนพ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกจากพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เข้าริ้วขบวนตามผู้นำเทียน

พันโท สมชาย กาญจนมณี ทูลเกล้าฯ ถวายขันทองคำพร้อมพานรองสำหรับ ทรงโปรยเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน รัชกาลที่ 10 ชนิดราคา 2 บาท พระราชทานตลอดเส้นทางขบวนเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จลงจากพระที่นั่งไพศาลทักษิณไปยังชาลา พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เลี้ยวซ้ายออกทางพระทวารพระมหามณเฑียรกำแพงแก้วด้านตะวันออก

เลี้ยวขวาไปตามถนนทรงบาตร เลี้ยวขวาผ่านถนนหลังพระมหามณเฑียร เลี้ยวขวาผ่านพระมหามณเฑียรหมู่กลาง เข้าทางพระทวารพระมหามณเฑียรด้านตะวันตก เสด็จฯ ไปตามถนนระหว่างพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานและกำแพงแก้วพระมหามณเฑียรด้านใน เลี้ยวขวาผ่านเก๋งนารายณ์เข้าพระทวารท้องพระโรงหน้า พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เสด็จเข้าท้องพระโรงหน้า พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เสด็จขึ้นนพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ทางอัฒจันทร์ตะวันตก ข้าราชบริพารฝ่ายหน้าเชิญเครื่องเฉลิมพระราชมณเฑียร เครื่องราชูปโภคและพระแสงดาบ คาบค่าย ตามเสด็จ

ข้าราชบริพารฝ่ายหน้าเชิญเครื่องราชูปโภค และเครื่องเฉลิมพระราชมณเฑียรบางส่วน ทอดบนโต๊ะข้างที่ประทับ ที่เหลือเชิญไปมอบให้ พันโท สมชาย กาญจนมณี ไปทอดที่โต๊ะบนพระแท่นลดทอดถวายขันทองคำพร้อมพานรองทรงโปรยดอกพิกุลทอง พิกุลเงิน บนพระแท่นลด มหาดเล็ก ห้องพระบรรทมลาดพระที่ ณ พระแท่นราชบรรจถรณ์เสร็จแล้ว พันโท สมชาย กาญจนมณี เข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ประทับบนพระแท่นลด พันโท สมชาย กาญจนมณี ทูลเกล้าฯ ถวายพระแส้ขนหางช้างเผือก นายเจริญศักดิ์ คารีขันธ์ ทูลเกล้าฯ ถวายจั่นหมากทองคำ นายมนัส เสือเปลี่ยว ทูลเกล้าฯ ถวายกุญแจทอง ทรงรับและทรงวางไว้ปลายพระที่แล้ว ทรงเอนพระองค์บรรทม ชาวพนักงาน ประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร และดุริยางค์ ครั้นสุดเสียงประโคมแล้วเสด็จลงประทับพระแท่นลดเสร็จการพระราชพิธี

ในคืนวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับแรมในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง