กรณีที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 43 ที่กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน มีมติยังไม่รับรองให้กลุ่มป่าแก่งกระจานของประเทศไทย ขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งใหม่ในปีนี้ และให้กลับไปทำเอกสารเพิ่มเติมมาส่งอีกครั้งปี 2563
วันนี้ (8 ก.ค.2562) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 43 ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน หลังถูกนำกลับมาพิจารณาอีกครั้งช่วงท้ายของการพิจารณาขึ้นมรดกโลก ว่า ที่ประชุมมีมติให้ส่งกลับเอกสาร (Refers) กลุ่มป่าแก่งกระจานของประเทศไทย ตามร่างข้อมติของคณะทำงาน 6 ประเทศ จากคณะกรรมการรัฐภาคีสมาชิกอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก 21 ประเทศ โดยให้ไทยจัดทำเอกสารเพิ่มเติมที่มีระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปี รวม 3 ข้อ ดังนี้
- ให้ดำเนินการเรื่องขอบเขตระหว่างไทยและเมียนมา
- ให้ทำข้อศึกษาเปรียบเทียบเกี่ยวกับขอบเขตพื้นที่ หลังปรับลดลงยังอยู่ภายใต้ข้อกำหนดตามระเบียบข้อที่ 10 เรื่องความสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ในการขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกทางธรรมชาติ
- แก้ปัญหาทำข้อห่วงกังวลเรื่องชุมชนในพื้นที่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ด่วน! “ยูเนสโก” เลื่อนรับรองแก่งกระจานมรดกโลกปี 63
คาดทำข้อมูลเอกสารเพิ่มส่งกลับทันเดือน ก.พ.63
นายสีหศักดิ์ กล่าวอีกว่า ถือเป็นการยกระดับการทำงานของไทยในหลายๆด้านที่ผ่านข้อท้วงติงและข้อกังวลคาดทำข้อมูลเอกสารเพิ่มส่งกลับให้ทันภายในเดือน ก.พ.2563 สำหรับการแก้ปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงในพื้นที่ต้องดำเนินการด้านสิทธิชุมชนผ่านกฎหมายใหม่ 2 ฉบับที่ประกาศใช้เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลมีการปรับนโยบายนี้ และต้องการให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการใอนุรักษ์อุทยานแก่งกระจานด้วย ซึ่งแนวคิดนี้ได้อธิบายไปแล้วว่ามีการทำงานอย่างไร แต่ต้องใช้เวลา
ส่วนเรื่องปัญหาเขตแดนไทย-เมียนมา ถึงจะไม่ใช่เขตแดนโดยตรงแต่เป็นข้อมูลเดียวกันกับเรื่องเขตแดน ที่ผ่านมามีการหารือกันมาหลายรอบ จนถึงขั้นการปรับลดขอบเขตการขึ้นทะเบียนมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานเข้ามาร้อยละ 15 หรือประมาณ 2 กิโลเมตร จากแนวเส้นสมมุติของแนวเขตแดนของไทย-เมียนมา ทำให้คลายความกังวลและตกลงกันได้แล้ว
ถือว่า 2 เรื่องที่ติดค้างและทำให้ตอนนั้นยังไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ แต่ปีนี้มีการแก้ไข และก้าวข้ามในส่วนนี้ไป หลังจากนี้ต้องทำข้อมูลเพื่อใช้ประกอบใน 2 ประเด็น เป็นการยืนยันว่าแก้ไขใน 2 ประเด็นนี้ได้แล้ว
โดยคาดว่าจะเร่งรวบรวมและทำข้อมูลเพิ่มเติมทั้งหมดเสนอสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ไอยูซีเอ็น) ทันวันที่ 1 ก.พ.2563 เพื่อเสนอคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาอีกครั้งปีหน้า
หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ยังขอขอบคุณอินโดนีเซีย จีน และเมียนมาที่มีบทบาทสำคัญบนเวทีมรดกโลกช่วยและสนับสนุนไทยอย่างเต็มที่มาโดยตลอด พร้อมแสดงความคาดหวังว่าปีหน้าไทยจะประสบความสำเร็จขึ้นมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานได้
ก่อนหน้านี้ เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเขตงานตะนาวศรี ออกแถลงการณ์ข้อเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลก ผ่านไอยูซีเอ็น ประจำประเทศไทย รวม 7 ข้อ เช่น ต้องให้ชุมชนชาวกะเหรี่ยงคือผู้กำหนดพื้นที่ทางวัฒนธรรมการทำกินโดยระบบไร่หมุนเวียนในวงรอบ ไร่หมุนเวียน 10 ปีด้วยตนเอง ต้องกำหนดให้พื้นที่ห้วยกระซู่ เป็นพื้นที่ของชาวกะเหรี่ยงในผืนป่าแก่งกระจานเป็นพื้นที่ศึกษาวิจัย การเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเพื่อเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ต่อคณะกรรมการมรดกโลก ต้องเป็นการเสนอร่วมกันโดยรัฐบาลไทยกับเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเขตงานตะนาวศรี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
9 ปี เส้นทาง “แก่งกระจาน” สู่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งใหม่
ด่วน! เลื่อนพิจารณา "แก่งกระจาน" ขึ้นทะเบียนมรดกโลก พรุ่งนี้