ขีดเส้น 15 วันย้าย "ขยะพิษ 300 ตัน" พ้นป่าอนุรักษ์

สิ่งแวดล้อม
8 ก.ค. 62
20:09
1,115
Logo Thai PBS
ขีดเส้น 15 วันย้าย "ขยะพิษ 300 ตัน" พ้นป่าอนุรักษ์
ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งขนย้ายขยะพิษ 300 ตัน ออกจากป่าอนุรักษ์ อ.วังน้ำเย็น ภายใน 15 วัน พร้อมดำเนินคดีเจ้าของขยะอุตสาหกรรม เร่งแกะรอยเส้นทางหาขบวนการลักลอบคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ ตำรวจยังไม่ปักใจ ผู้ดูแลสถานที่คัดแยกขยะ คาดอาจมีนักการเมืองท้องถิ่นเอี่ยว

กรณีพบชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และขยะอุตสาหกรรม น้ำหนักรวมกันกว่า 300 ตัน ถูกนำมากองไว้รอการคัดแยกในพื้นที่เกือบ 20 ไร่ เขตป่าอนุรักษ์โซนซี ท้ายหมู่บ้านหนองแก ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำ เย็น จ.สระแก้ว นานกว่า 1 เดือน ทำให้ชาวบ้านกังวล เพราะบริเวณนี้ใกล้กับลำห้วยสาธารณะที่ไหลผ่านหลายหมู่บ้าน

วันนี้ (8 ก.ค.2562) นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจบ่อขยะใกล้กับชุมชนตำบลตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น เบื้องต้นพบว่า เป็นขยะอันตรายมีพิษ มีกลิ่น เกรงว่าจะได้รับผลกระทบกับประชาชน จึงสั่งการให้ผู้รับผิดชอบเร่งเก็บขยะส่งคืนต้นทาง

ระหว่างนี้ให้ตำรวจ รวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จภายใน 15 วัน ก่อนเข้าสู่กระบวนการขนย้ายออกจากพื้นที่อีก 15 วัน จากนั้นให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เข้าตรวจสอบสารตกค้างอีกครั้งว่า ส่งผลกระทบกับชุมชนหรือไม่

เป็นขยะอันตรายมีพิษ และมีกลิ่นอันดับแรกต้องป้องกันไม่ให้มีผลกระทบกับประชาชน และต้องเก็บส่งคืนต้นทาง ให้เร็วที่สุด

ยังไม่พบเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวลักลอบ

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ย้ำอีกว่า ขณะนี้ยังไม่พบว่าเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง พร้อมยืนยันไม่มีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ตามที่กล่าวอ้าง แต่หากพบว่ามีผู้ใต้บังคับบัญชาผิดจริง จะดำเนินการตามกฎหมายทันที ส่วนความผิดปกติในการขอบ้านเลขที่ ซึ่งมีการติดป้ายบริเวณทางเข้า ต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากตาม พ.ร.บ.ทะเบียนราษฎร์ ไม่สามารถออกบ้านเลขที่ได้ตั้งแต่ต้น

นายทองสุข รัตนรัตน์ ผู้ใหญ่บ้านหนองแก ต.ตาหลังใน กล่าวว่า มีนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาขอบ้านเลขที่ตั้งแต่ต้นเดือน โดยอ้างว่าจะติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อทำแคมป์คนงาน คัดแยกขยะอุปกรณ์รถยนต์เท่านั้น จึงอนุญาต

ขณะที่ชาวบ้าน ระบุว่า กังวลปัญหาสารเคมีอันตราย เนื่องจากชาวบ้านอยู่ท้ายน้ำ และทำอาชีพเกษตร ต้องใช้น้ำจากมารดผัก ซึ่งคนที่มาทำธุรกิจในจุดนี้ไม่ได้ รับผลกระทบ แต่เป็นชาวบ้าน

ดำเนินคดีเจ้าของขยะอุตสาหกรรม 

ขณะที่นายสมศักดิ์ กรึงไกร หัวหน้าฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว เข้าแจ้งความเพิ่มกับนายบุญยืน น้อยเจริญ และนายสาธิต ธูปทอง ที่อ้างตัวเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ในข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากสภาพพื้นที่พบว่า มีการก่อตั้งเป็นโรงงานคัดแยกขยะ และมีแรงงานเกิน 5 คน

เนื่องจากในระหว่างการตรวจสอบพบคนงานชาวกัมพูชาเกือบ 50 คน กำลังคัดแยกขยะในพื้นที่ ซึ่งมีป้ายรวมใจรีไซเคิลติดตั้งไว้ โดยมีนายบุญยืน น้อยเจริญ ชาวจังหวัดชลบุรี รับเป็นเจ้าของ

นายบุญยืน อ้างว่า ซื้อขยะอิเล็กทรอนิกส์ต่อมาจากโรงงานอาริสา รีไซเคิล จำกัด ใน อ.ปลวกแดงจ.ระยอง ซึ่งรับว่าจ้างจากบริษัทซันเทคเมทัลล์ จำกัด ในอ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ให้นำวัสดุที่เหลือจากการบดย่อยรถยนต์เก่า ไปทำลาย เมื่อได้มาแล้วจะคัดแยกเอาทองแดง และพลาสติก ไปจำหน่ายต่อให้กับผู้รับซื้อในจ.สระแก้ว และ จ.สระบุรี เนื่องจากโรงงานอาริสา ซึ่งรับกำจัด และรีไซเคิลขยะมีพื้นที่รองรับไม่เพียงพอ

รับขยะเข้ามาตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเริ่มขนย้ายขยะทั้งหมดรวมกว่า 300 ตัน วันละ 1 รถบรรทุกพ่วง เข้ามาในพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยไม่คิดว่าจะมีความผิดเพราะมีการทำใบขนย้ายแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม แต่ข้ออ้างนี้ค่อนข้างขัดแย้งกับกองขยะที่เห็น เพราะวัสดุที่พบบางอย่าง เป็นสิ่งของที่ใช้ในครัวเรือน แต่เมื่อตรวจสอบโรงงานต้นทางทั้ง 2 แห่งที่ จ.ชลบุรี และระยอง พบว่ามีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้อง แต่เป็นการคัดแยกขยะชิ้นส่วนรถยนต์เท่านั้น ไม่ใช่เป็นขยะรีไซเคิล จึงไม่สามารถแจ้งความในข้อหาเกี่ยวกับขยะอันตรายได้

และการตรวจสอบของฝ่ายทหาร พบว่านายบุญยืน อาจไม่ใช่เจ้าของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่แท้จริง แต่อาจมีนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งค่อนข้างกว้างขวางในพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการ 

 

 

โดยนักการเมืองคนนี้ ได้ขอเลขที่บ้าน เพื่อจัดตั้งโรงงานคัดแยกขยะในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และได้รับเลขที่บ้านแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการอนุญาตให้จัดตั้งโรงงาน ทหารได้เชิญตัวนักการเมืองคนนี้ มาสอบถามแล้ว แต่ยังปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็น ขณะเดียวกันตำรวจ จะเร่งขยายผลเพิ่มถึงหุ้นส่วนของการเปิดโรงงานคัดแยกขยะแห่งนี้ว่ามีใครบ้าง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับแรงงานข้ามชาติ 40 คน รับจ้างแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์วังน้ำเย็น

นักวิชาการตั้งข้อสังเกตกรณีลักลอบทิ้งเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์ จ.สระแก้ว

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง