วันนี้ (12 ส.ค.2562) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า อาการของลูกพะยูน "มาเรียม" ภายหลังเผชิญหน้ากับพะยูนตัวเต็มวัย จนทำให้ตกใจเชื่องซึม กินอาหารได้น้อยลง กระทั่งพบว่าเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดและปอดอักเสบ ล่าสุดมาเรียมอาการทรงตัว แต่ยังน่าเป็นห่วง ทีมสัตวแพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะและเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ สำหรับแผนการดูแลมาเรียมมี 3 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 การสร้างบ่อสำหรับดูแลชั่วคราว ใกล้กับบริเวณที่มาเรียมอยู่ที่เกาะลิบง แต่ยังไม่สามารถนำมาเรียมขึ้นมาได้ ต้องประเมินอาการก่อน
ส่วนที่ 2 ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าอาการไม่ดีขึ้น อาจเคลื่อนย้ายไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ใน จ.ตรัง ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว
ส่วนที่ 3 เมื่อพิจารณาแล้วว่ายังไม่ดีขึ้นอีก แต่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ก็จะนำมาไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต โดยมีการเตรียมบ่อขนาดใหญ่ไว้แล้วและถือว่ามีความพร้อมพอสมควร
ขณะนี้ต้องดูอาการของมาเรียมวันต่อวัน และการจะเคลื่อนย้ายต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของทีมสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด แต่วันนี้มาเรียมอารมณ์ดีขึ้น
วันนี้ต้องดูแลในพื้นที่ก่อน การให้ยาสำคัญที่สุดและคือสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ ถ้าไม่ชัวร์ก็ไม่เคลื่อนย้าย
สำหรับแผนการเคลื่อนย้ายมาเรียม เตรียมไว้หลายแผน หนึ่งในนั้นคือการประสานกับกองทัพเรือ ซึ่งขณะนี้กองทัพเรือได้เตรียม ฮ.รุ่น S76 บราโว ในการส่งตัวมาเรียมมารักษาที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต ไว้แล้ว หากทีมสัตวแพทย์ลงความเห็นว่าจะต้องเคลื่อนย้าย โดย ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3 ได้สั่งการให้กำลังพลเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง
หากได้รับการประสานจากทีมสัตวแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ ทช.จากฐานทัพเรือพังงาไปรับลูกพะยูนมาเรียมทันที และการเดินทางจากเกาะลิบง มายังศูนย์วิจัยฯ จ.ภูเก็ต ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.)
อธิบดี ทช.กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน เพราะทุกคนทุ่มเทเต็มที่ เพราะถือว่าพะยูนเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญกับท้องทะเลไทยและยังเป็นขวัญใจของคนไทยทุกคน