ทีดีอาร์ไอเสนอใช้ กม.คุมการใช้พลาสติก

เศรษฐกิจ
29 ส.ค. 62
15:17
4,596
Logo Thai PBS
ทีดีอาร์ไอเสนอใช้ กม.คุมการใช้พลาสติก
ทีดีอาร์ไอเผยผลการศึกษาที่มาขยะทะเล พบไทยติดอันดับ 6 ของโลก เสนอรัฐบาลประกาศให้การแก้ปัญหาขยะเป็นวาระแห่งชาติ โดยใช้กฎหมายบังคับเลิกการใช้โฟม ส่วนถุงพลาสติกต้องเก็บเงินหากผู้บริโภคต้องการใช้เพื่อลดปริมาณขยะ

วันนี้ (29 ส.ค.2562) หอการค้าไทยร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) แถลงผลการศึกษาที่มาขยะทะเล นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ ระบุว่า จากการศึกษาพบว่าปริมาณขยะทะเลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเกือบ 10 ปี จากปี 2510 ที่ปริมาณขยะ 400,000 ตัน เพิ่มเป็น 1 ล้านตันในปี 2562 โดยไทยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 6 ของประเทศที่ทิ้งขยะทางทะเลมากที่สุด

 

สำหรับขยะพลาสติกที่พบในทะเลส่วนใหญ่ พบว่าเป็นถุงพลาสติก ร้อยละ 11.7 กล่องโฟม ร้อยละ 9.9 ห่ออาหาร ร้อยละ 8.8 ถุงก๊อปแก๊ป ร้อยละ 8.6 ขวดแก้ว ร้อยละ 7.5 ขวดพลาสติก ร้อยละ 7.2 หลอดดูด ร้อยละ  5.1

 

ขยะทะเลส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยวริมชายหาดที่ไม่มีการทิ้งขยะให้เป็นที่ ร้านอาหารบริเวณชายหาด ริมแม่น้ำที่ทิ้งขยะลงแม่น้ำ และการฝังกลบที่ไม่ถูกวิธี

 

ปัญหาที่เกิดขึ้น หากไม่เร่งแก้ไขจะเป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศ กระทบระบบนิเวศ กระทบการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากมาเที่ยว ซึ่งสร้างรายได้ให้กับประเทศคิดเป็นร้อยละ 10 ของจีดีพี โดยปีที่ผ่านมารายได้ท่องเที่ยวอยู่ 3 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันกระทบต่อสุขภาพ เพราะเมื่อสัตว์น้ำกินขยะพลาสติก เมื่อผู้บริโภคนำไปกินก็จะมีสิ่งปนเปื้อนจากขยะพลาสติกที่เป็นไมโครพลาสติก

เห็นว่า รัฐบาลควรประกาศให้การแก้ปัญหาขยะเป็นวาระแห่งชาติ โดยการออกกฎหมายบังคับเลิกการใช้โฟม เพราะเป็นวัสดุที่ใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าจะย่อยสลายได้

ส่วนถุงพลาสติกต้องเก็บเงิน หากผู้บริโภคต้องการใช้เพื่อลดปริมาณขยะ เช่นในต่างประเทศซึ่งได้ผลช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดใช้ถุงพลาสติก ส่วนมาตรการภาคสมัครใจที่ห้างต่างๆ พยายามทำนั้น เห็นว่ายังไม่เพียงพอ เพราะมีเพียงบางวันเท่านั้น ส่วนการเก็บเงินจากการขอใช้ถุงพลาสติกก็มีเพียงบางห้าง ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ จึงควรออกกฎหมายบังคับซื้อถุงพลาสติกที่ใช้เพียงครั้งเดียว 1-2 บาท

ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการจัดการขยะ เช่น อังกฤษ เก็บค่าถุงใบละ 2 บาท ไต้หวันก็มีการเก็บเงิน หรือนิวซีแลนด์ที่เลิกการใช้ถุงพลาสติกเพียงครั้งเดียว หากพบว่ามีการใช้จะมีโทษปรับสูงถึง 2 ล้านบาท

 

รศ.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า หอการค้าจะนำผลการศึกษาและข้อเสนอการใช้มาตรการเข้าสู่ที่ประชุมหอการค้าใหญ่ทั่วประเทศในเดือน พ.ย.นี้

หอการค้าจะมีมาตรการรณรงค์ลดใช้ขยะพลาสติก กล่องโฟม และมีการแยกขยะผ่านสมาชิกหอการค้ากว่า 100,000 แสนคน รวมทั้งเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำหลักสูตรให้ความรู้นักเรียนในการแยกขยะด้วย

สำหรับการศึกษาวิจัยครั้งนี้ หอการค้าไทยได้ว่าจ้างทีดีอาร์ไอศึกษาตั้งแต่เดือน ก.พ. - ก.ค.วงเงิน 2 ล้านบาท

สภาอุตฯ พบ ทส.หารือแนวทางกำจัดขยะพลาสติก

วันเดียวกัน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าพบนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหารือแนวทางการออกมาตรการทางกฎหมายเพื่อกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน, นโยบาย Circular Economy และการส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement Policy)

 

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้บริหารมาเข้าพบ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหารือในประเด็นสำคัญ ได้แก่

ด้านการกำกับดูแล โดยการออกมาตรการทางกฎหมายเพื่อกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน เนื่องจากมาตรการและกฎหมายการจัดการสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันมีข้อจำกัด ซ้ำซ้อน และเข้มงวดมากกว่ามาตรฐานสากล เช่น SEA มาตรฐาน VOCs ในบรรยากาศ ส.อ.ท. จึงขอเสนอให้กระทรวงฯ สนับสนุนการประเมินและการยกเลิกเขตควบคุมมลพิษ ด้วยมาตรการที่มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน รวมทั้งทบทวนแนวปฏิบัติของ SEA ให้มีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ทบทวนมาตรฐานให้มีความเป็นสากล และเน้นที่การดำเนินงานเชิงปฏิบัติแทนการกำหนดค่ามาตรฐานที่เข้มงวด และพัฒนาระบบ Single Form สำหรับการรายงานมลพิษ รวมทั้งให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการออกมาตรการ/กฎหมาย

ด้านการส่งเสริมและพัฒนา โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้

1. นโยบาย Circular Economy การจัดการขยะพลาสติก มีเป้าหมายนำขยะพลาสติกเป้าหมายกลับมาใช้ประโยชน์ได้ 100 % ภายในปี 2570 และลดขยะพลาสติกในทะเลไทยให้ได้อย่างน้อย 50% ภายในปี 2573 ตามแผนแม่บทในการกำจัดขยะพลาสติก ปี 2561-2573 ซึ่งต้องประสานงานกันทั้งระบบเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตามแนวเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยการพัฒนาโครงสร้างและระบบการจัดเก็บและคัดแยกขยะแบบบูรณาการ, การส่งเสริมธุรกิจรีไซเคิลและอัพไซเคิลเพื่อเพิ่มมูลค่าขยะพลาสติก, การส่งเสริมบทบาทอุตสาหกรรมพลาสติก เจ้าของแบรนด์ และผู้ค้าปลีกให้มีส่วนร่วมในการจัดการขยะพลาสติก และการเปลี่ยนพฤติกรรมสังคมและผู้บริโภคให้มีความรับผิดชอบในการคัดแยกขยะ เนื่องจากในความเป็นจริงขยะพลาสติกสามารถรีไซเคิลได้ แต่ต้องสามารถรวบรวมขยะให้เข้าสู่ระบบรีไซเคิลให้ได้

ชูนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนพลาสติก

ทั้งนี้ ส.อ.ท.ขอเสนอมาตรการเพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนพลาสติกให้เป็นไปตามเป้าหมายโดย

  1. กำหนดมาตรฐานสำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน
  2. ส่งเสริมด้วยมาตรการทางภาษีหรือสิทธิประโยชน์การลงทุน
  3. นโยบายส่งเสริมอื่นๆ สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน

 

การจัดการซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. เห็นด้วยในหลักการที่ต้องมีการตรา พ.ร.บ. การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ... โดยมาตรการระยะยาวควรผลักดันให้เกิด พ.ร.บ.การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าฯ ที่มีความเหมาะสม เป็นธรรม และนำไปปฏิบัติได้ โดยความร่วมมือระหว่าง ส.อ.ท. และ คพ. ส่วนมาตรการระยะสั้นควรจัดทำ Model ของ E-Waste Voluntary Project ศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐศาสตร์ในการจัดการซากผลิตภัณฑ์ฯ โดยนำร่องที่ผลิตภัณฑ์ 5 ประเภท

การส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในภาคบรรจุภัณฑ์ ส.อ.ท. ขอเสนอให้มีการส่งเสริมการออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมอุตสาหกรรมรีไซเคิลอย่างครบวงจร สนับสนุนให้มีการใช้สินค้าจากการรีไซเคิล รวมไปถึงการสนับสนุนให้เกิดการคัดแยก รวบรวมวัสดุรีไซเคิล เป็นต้น

 

2. การส่งเสริมโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) และการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement Policy) ส่งเสริมและสนับสนุนให้โรงงานมุ่งสู่การเป็นโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) รวมทั้งการผลิตและการบริโภคสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-products) โดยกำหนดให้ภาครัฐใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างน้อย 30% ของความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด และมีมาตรการจูงให้ภาคเอกชนได้รับการลดหย่อนภาษี 200% จากการซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสนับสนุนเครื่องมือในการบริโภคสีเขียว (Green Card Application/Vendor Lists Website)

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง