4 ข้อดีของการใช้เทคโนโลยี 3D Food Printer ในอุตสาหกรรมอาหาร

Logo Thai PBS
4 ข้อดีของการใช้เทคโนโลยี 3D Food Printer ในอุตสาหกรรมอาหาร
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เทคโนโลยีการพิมพ์อาหารแบบ 3 มิติ เป็นรูปแบบหนึ่งของการผลิตอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงประโยชน์ด้านอื่น ๆ ของเทคโนโลยีนี้

ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตอาหารเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการพิมพ์อาหารแบบ 3 มิติ ที่อาจจะกลายเป็นรูปแบบหนึ่งในการผลิตอาหารให้เพียงพอกับความต้องการ และสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น

สร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค

ผู้บริโภคในปัจจุบันมีความต้องการด้านอาหารที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการไม่บริโภคเนื้อสัตว์ การเลือกทานอาหารที่เน้นสุขภาพ หรือแม้แต่ข้อจำกัดด้านสุขภาพ ซึ่งทำให้ต้องเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะกับตัวเอง การใช้เทคโนโลยี 3D Food Printer จะทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกอาหาร และสารอาหารที่เหมาะกับตัวเองได้

ลดต้นทุนในการผลิตและขนส่ง

ต้นทุนของวัตถุดิบและระยะทางที่ห่างไกล เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อาหารมีราคาแพง การนำเทคโนโลยีการพิมพ์อาหารแบบ 3 มิติมาใช้ จึงเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้ผู้บริโภคที่อยู่ปลายทาง ได้มีโอกาสทานอาหารที่มีรสชาติแบบเดียวกัน ได้ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม

แหล่งอาหารสำหรับนักบินอวกาศ

ความสามารถของเครื่องพิมพ์อาหารแบบ 3 มิติ ไม่เพียงเป็นช่องทางใหม่สำหรับการผลิตอาหารของมนุษย์บนโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งผลิตอาหารสำหรับนักบินอวกาศที่ต้องไปปฏิบัติภารกิจอยู่นอกโลกอีกด้วย เพื่อต้องการให้นักบินอวกาศได้ทานอาหารที่มีประโยชน์และมีสารอาหารครบถ้วน

ลดปริมาณอาหารเหลือทิ้ง

ขั้นตอนการเตรียมอาหารบางอย่าง รวมถึงการทานอาหารแบบเหลือทิ้ง ทำให้เกิดขยะและเป็นการใช้ทรัพยากรโดยไม่คุ้มค่า แต่การผลิตอาหารโดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ จะช่วยให้สามารถใช้ทรัพยากรโดยไม่เสียเปล่า ด้วยการเปลี่ยนให้กลายเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตอาหารด้วย 3D Food Printer จึงเป็นการช่วยลดปริมาณอาหารเหลือทิ้งได้ในคราวเดียว

ที่มาข้อมูลและภาพ: Ukrainerol, ALL3DP.pro3DPrinting
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

ข่าวที่เกี่ยวข้อง