วันนี้ (19 เม.ย.2567) นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และ โฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคพยาธิใบไม้ตับ และโรคมะเร็งท่อน้ำดี เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ ในประเทศไทยพบผู้ป่วยสูงในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดการณ์ว่าคนไทยร้อยละ 10 หรือ 6,000,000 คน ตรวจพบพยาธิใบไม้ตับ
จากสถิติ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดี คิดเป็น 24.7 /แสนประชากร เกิดขึ้นกับประชากรวัยทำงานที่เป็นหัวหน้าครอบครัว อายุระหว่าง 40-60 ปี ค่าใช้จ่ายในการรักษา ประมาณ 1,960 ล้าน/ปี ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่มีขนาดปัญหารุนแรง และก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนในสังคมเป็นอย่างมาก
ภาพประกอบข่าว พยาธิใบไม้ตับ
เมนูปลาน้ำจืดเกล็ดขาวดิบ แหล่งโรถพยาธิใบไม้ตับ
โรคพยาธิใบไม้ตับ มีสาเหตุจากการรับประทานปลาน้ำจืดเกล็ดขาว เช่น ปลาตะเพียนทุกชนิด ปลาขาวนา ปลาแก้มช้ำ ปลาสร้อย ปลาซิว ปลากระสูบ โดยนำมาปรุงแบบดิบๆ หรือ สุกๆ ดิบๆ ทำเมนู ก้อยปลา ปลาส้ม ลาบปลาดิบ พล่าปลาดิบ ปลาร้าดิบ ส้มตำปลาร้าดิบ เป็นต้น
ปลาดังกล่าวมักมีตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิใบไม้ตับอยู่ เมื่อพยาธิใบไม้ตับสะสมในร่างกายในระยะเวลานาน จะทำให้ท่อน้ำดีเกิดการอักเสบ ผนังท่อน้ำดีหนาขึ้น พัฒนาต่อเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในระยะเวลาต่อมา และมีความเสี่ยงทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
ภาพประกอบข่าว ไข่ของพยาธิใบไม้ตับที่ติดตามครีบปลา
นพ.วีรวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าขอให้ประชาชนตระหนักถึงการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ อาหารเมนูปลาน้ำจืดเกล็ดขาวปรุงดิบ หรือ สุกๆ ดิบๆ นอกจากนี้ การใช้ของเปรี้ยว เช่น น้ำมะนาว มะขาม หรือการใช้ของเค็ม เช่น น้ำปลา เกลือ น้ำปลาร้า ปรุงอาหารนั้น ไม่สามารถทำให้อาหารสุกและไม่สามารถฆ่าพยาธิได้
อ่านข่าวอื่น :
- หงุดหงิดง่าย! เตือน 6 กลุ่มเสี่ยง "อากาศร้อน" ก่อปัญหาสุขภาพจิต
- "อิ๊งค์" โยนนายกฯ ปรับ ครม. เมินดรามาสงกรานต์เที่ยวต่างประเทศ
วิธีที่จะทำให้อาหาร "สุก" นั้น ต้องสุกด้วยความร้อน จึงสามารถฆ่าตัวอ่อนพยาธิได้ และควรป้องกันตนเองจากโรคพยาธิใบไม้ตับ ดังนี้
- ไม่รับประทานปลาน้ำจืดเกล็ดขาวดิบ หรือ สุกๆ ดิบๆ ให้ปรุงโดยให้ผ่านความร้อนให้สุกก่อน
- ถ่ายอุจจาระลงในส้วม ไม่ถ่ายลงในแหล่งน้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง
- หากเคยรับประทานปลาดิบ ควรไปตรวจอุจจาระหาไข่พยาธิตามสถานบริการสาธารณสุข หากมีพยาธิให้รักษาด้วยยาและงดรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ
- ไม่หัดให้เด็ก หรือชักชวนผู้อื่นรับประทานอาหารดังกล่าว
หากเริ่มมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องอืด ตับโต อาหารไม่ย่อย จุกเสียดและรู้สึกแน่นท้องที่ใต้ชายโครงขวา มีอาการรู้สึก "ออกร้อน" ที่ผิวหนังหน้าท้องด้านขวาหรือที่หลัง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
ที่สำคัญ เน้นการป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับ ส่งเสริมให้ประชาชนรับประทานอาหารเมนูปลาดังกล่าวที่ปรุงสุกด้วยความร้อน ล้างมือ ล้างผักให้สะอาดก่อนรับประทาน ถ่ายอุจจาระ ในส้วมที่ถูกสุขลักษณะทุกครั้ง และตรวจอุจจาระค้นหาไข่พยาธิปีละ 1 ครั้งทุกปี หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
อ่านข่าวอื่น :