น้ำประปา 3 อำเภอปทุมฯไหลแล้วแต่แรงดันต่ำ กรมชลฯชงครม.ขอปรับแผนระบายน้ำ 4 เขื่อน
เมื่อวานนี้ (13 ก.ค.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกรมชลประทานเร่งเปิดทางน้ำในคลอง 13 ทำให้มีน้ำดิบในคลองไหลมาถึงหน้าสถานีผลิตน้ำประปา สาขาธัญบุรี คลอง 13 จากนั้นได้เร่งสูบน้ำดิบจากคลอง 13 ขึ้นไปบ่อพักภายในสถานีผลิตน้ำ เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ ตั้งแต่เวลา 20.00 น. วันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา
น้ำประปา 3 อำเภอในจ.ปทุมธานี ยังไหลอ่อน
เมื่อถึงเวลาตามที่กำหนด ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสตระเวนตรวจสอบพื้นที่ของ 3 อำเภอที่ได้รับความเดือดร้อนขาดน้ำประปาในบริเวณตั้งแต่คลอง คลอง 5 - คลอง 15 เขต.อ.ธัญบุรี ต.บึงบอน และต.บึงบา อ.หนองเสือ และอ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เบื้องต้นพบว่า มีน้ำประปาไหลไปตามบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ที่ท่อประปาอยู่ใกล้สถานีผลิตน้ำประปาคลอง 13 แต่แรงดันน้ำยังน้อย ทำให้น้ำไหลช้า สามารถใช้ได้บริเวณชั้น 1 ของบ้าน ส่วนชั้น 2 น้ำยังไม่สามารถไหลขึ้นไปถึงได้
และเมื่อตรวจสอบบริเวณปลายท่อ ช่วงบริเวณ คลอง 5,6,7 และรอยต่อช่วง อ.คลองหลวง บางส่วน ในบางจุดที่น้ำประปายังไม่ไหล บางจุดไหลช้ามาก ต้องใช้เวลารองน้ำนานกว่าปกติ แต่โดยรวมในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนของทั้ง 3 อำเภอ มีน้ำประปาไว้ใช้แล้วประมาณ 80 เปอร์เซนต์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งสำรวจว่าพื้นที่ใดยังคงได้รับความเดือดร้อน น้ำประปายังไหลไปไม่ถึง จะได้เร่งดำเนินการเข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ยังพบว่า ถังพลาสติกสำหรับใส่น้ำที่วางจำหน่ายในร้านค้าเริ่มมีราคาสูงขึ้น และขาดตลาด ลูกค้าหลายคนต้องสั่งจองทางร้านค้าในชุมชนไว้ เพื่อเตรียมภาชนะไว้สำหรับรองน้ำประปาที่ยังพอไหลไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภค
กรมชลประทานปรับแผนระบายน้ำจาก 4 เขื่อนใหญ่
ทางด้าน นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ได้เสนอแผนจำลองการระบายน้ำออกจาก 4 เขื่อนหลักในลุ่มเจ้าพระยาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา 3 ทางเลือกวันนี้ (14 ก.ค.) คือ แผนระบายน้ำแบบคงที่ ที่วันละ 28 ล้านลูกบาศก์เมตร แผน 2 คือ ระบายลดลง และแผนสุดท้ายระบายคงที่สลับกับลดลง เนื่องจาก ขณะนี้น้ำต้นทุนเหลือใช้ถึงกลางเดือนส.ค.นี้เท่านั้น เพราะปริมาณน้ำฝนและน้ำไหลลงเขื่อนไม่เป็นไปตามคาดการณ์
อย่างไรก็ตามหาก ครม.พิจารณาให้ใช้แผนเดิม อาจจะปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ ให้มากกว่าวันละ 17 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจาก เขื่อนดังกล่าวมีน้ำไหลเข้าต่อเนื่อง ส่วนอีก 3 เขื่อน จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะเพิ่มหรือลดการระบายอย่างไร ทั้งนี้ขึ้นกับสถานการณ์น้ำในแต่ละวัน
ขณะเดียวกันยืนยันว่า ได้จัดสรรน้ำสำหรับผลักดันน้ำเค็มและสำรองให้การประปานครหลวง เพื่อผลิตน้ำประปาอย่างเพียงพอแล้ว เพื่อไม่ให้น้ำประปาในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีปัญหาขาดแคลน อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เชิญนักวิชาการ และเกษตรกร มาหารือเพื่อหาทางออกแก้ปัญหาภัยแล้ง ร่วมกัน
สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนวันนี้ เขื่อนภูมิพล มีน้ำใช้การได้ 159 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ 330 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 57 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมน้ำใช้การได้ 587 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 3 เปอร์เซ็นต์
เปิดเส้นทางน้ำ-เจ้าพระยาไหลอย่างไร
สำหรับการไหลของน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในปัจจุบัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำจากเขื่อนตอนบนหรือ ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบน มีความสำคัญและสัมพันธ์กับพื้นที่ตอนล่าง นับตั้งแต่เขื่อนเจ้าพระยาลงมา เป็นน้ำต้นทุนสำหรับฝั่งตะวันออกเช่นกัน
ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบน มี 4 เขื่อนหลัก เป็นน้ำต้นทุน ขณะนี้มีน้ำใช้ได้เพียงร้อยละ 3 สำหรับแม่น้ำวัง มีเขื่อนกิ่วลม ในจ.ลำปาง ปัจจุบันเหลือน้ำ 33 ล้าน ลบ.ม. ถัดมา แม่น้ำน่าน มีเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ เหลือน้ำ 3,190 ล้าน ลบ.ม. ลงมาในแม่น้ำน่าน มีเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณ 101 ล้าน ลบ.ม และแม่น้ำปิง เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีน้ำ 3,965 ล้านลบ.ม.
น้ำทั้งหมดจะไหลลงมาที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นจุดกระจายน้ำ และเรียกพื้นที่นี้ว่า ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งจะแยกน้ำออกเป็นสามขา ซ้ายสุดไปทางตะวันตก ตรงกลางคือลำน้ำเจ้าพระยา และทางขวาคือ ฝั่งตะวันออก ที่น้ำจะไหลมาถึงคลองระพีพัฒน์ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในบริเวณดังกล่าวมีประตูระบายน้ำหลายแห่ง เช่น ประตูน้ำมโนรมย์ ส่งน้ำมา จ.สระบุรี ประตูระบายน้ำมหาราช ส่งน้ำมาถึงจ.พระนครศรีอยุธยา ประตูระบายน้ำปากแม่น้ำลพบุรี และ ประตูระบายน้ำปากคลองบางแก้ว ส่งน้ำเข้าจ.ลพบุรี โดยข้างๆกัน จะมีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ รับน้ำจากแม่น้ำป่าสัก ไหลคู่ขนานมาจนถึงจ.สระบุรี และบริเวณจุดบรรจบของน้ำจากประตูน้ำมโนรมย์และเขื่อนป่าสัก จะมีประตูน้ำพระนารายณ์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของคลองระพีพัฒน์ โดยคลองระพีพัฒน์ มีความยาว 32 กิโลเมตร ไหลผ่านอ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา อ.หนองแค จ.สระบุรี
จากนั้นจะแยกออกเป็น คลองระพีพัฒน์แยกใต้ เข้าอ.องครักษ์ จ.นครนายก ระยะทาง 28.7 กิโลเมตร และคลองระพีพัฒน์แยกตะวันตก ผ่านประตูระบายน้ำพระอินทร์ราชา จ.ปทุมธานี ระยะทาง 36.6 กิโลเ