สธ.เตือนสูดควันธูปสะสมเพียง 3 ดอก เสี่ยงมะเร็งเท่าดมควันรถ-พบคนไทยป่วยโรคทางเดินหายใจเกือบครึ่ง

สังคม
30 ส.ค. 58
14:03
483
Logo Thai PBS
สธ.เตือนสูดควันธูปสะสมเพียง 3 ดอก เสี่ยงมะเร็งเท่าดมควันรถ-พบคนไทยป่วยโรคทางเดินหายใจเกือบครึ่ง

รมว.สธ.เตือนอันตรายจากควันธูป ชี้หากสูดดมสะสมเพียง 3 ดอก ได้รับสารก่อมะเร็งเท่ากับสูดควันรถบริเวณที่มีการจราจรคับคั่ง แนะใช้ธูปสั้นและขนาดเล็กเพื่อลดมลพิษ และเก็บขี้เถ้าธูปให้ถูกวิธีเหตุมีโลหะหนักแมงกานีสส่งผลต่อสมอง เผยพบคนไทยป่วยโรคทางเดินหายใจเกือบร้อยละ 50

วันนี้ (30 ส.ค. 2558) ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) กล่าวว่า ข้อมูลจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปี 2555 พบว่า คนไทยป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจมากถึง 473.34 คน ต่อประชากร 1,000 คน หรือเกือบครึ่งหนึ่ง โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการจุดธูปและเผากระดาษเงินกระดาษทอง ในวัดไทย วัดจีน ศาลเจ้า รวมถึงการจุดในบ้านเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ที่อยู่ในบริเวณภายในและภายนอกสถานที่นั้นๆ สธ.จึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการป้องกัน ลด และแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศทั้งภายนอกและภายในอาคารอย่างจริงจัง

“สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์พบว่าการจุดธูปเพียง 3 ดอก ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งเทียบเท่ากับการสูดควันรถบริเวณที่มีการจราจรคับคั่ง นอกจากนี้ การจุดธูปจำนวนมากในแต่ละครั้ง ธูปที่เผาไหม้จะปล่อยฝุ่นละอองและสารมลพิษออกมามากมายทั้ง คาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ สารอินทรีย์ระเหยง่าย รวมถึงสารที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด ได้แก่ สารในกลุ่มโพลีไซคลิก อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAH) เบนซินบิวทาไดอีน และเบนโซเอไพรีน นอกจากนี้ ยังมีโครเมียม ตะกั่ว และนิกเกิล จากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต เช่น กาว สี น้ำหอมเคมี ขณะที่การเผากระดาษกระดาษเงินและกระดาษทองจะทำให้เกิดสารในกลุ่ม PAH เบนซินบิวทาไดอีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง โดยเกิดจากวัตถุดิบที่ใช้ผลิตกระดาษเงินและกระดาษทอง เช่น สี กาว สารที่ใช้เคลือบเงา” รมว.สธ.ระบุ

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวต่อว่า ส่วนขี้เถ้าที่เกิดจากการจุดธูปจะมีแมงกานีสเป็นส่วนใหญ่ การกำจัดหรือจัดการขี้เถ้าที่ไม่ถูกต้อง เช่น ทิ้งลงในน้ำ โลหะหนักเหล่านี้อาจปนเปื้อนแหล่งน้ำหรือดินได้ ซึ่งการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนแมงกานีสจะทำให้เกิดผลเสียต่อสมอง

ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การป้องกันตนเองให้ปลอดภัยต่อการได้รับสารต่างๆ จากการจุดธูปและการเผากระดาษเงินกระดาษทอง ให้ใช้ผ้าปิดจมูกหรือสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะจุดหรือเผา นอกจากนี้ หากเปลี่ยนมาใช้ธูปสั้นและขนาดเล็ก แทนการใช้ธูปยาวและมีขนาดใหญ่เพื่อลดปริมาณควัน นอกจากนี้ไม่ควรจุดธูปแล้วปักลงบนอาหารหรือใกล้กับอาหาร เพื่อป้องกันการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนควันและขี้เถ้าจากธูป ที่สำคัญคือต้องล้างมือ ล้างหน้า หลังจากการสัมผัสหรืออยู่ในบริเวณที่มีควันธูปและกระดาษเงินกระดาษทอง

“สำหรับในกลุ่มเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ หอบหืด ภูมิแพ้ ถุงลมโป่งพอง นับเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่น จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือสูดดมควันธูป หากไม่สามารถเลี่ยงได้ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัย ปิดปากและจมูก รวมทั้งหลีกเลี่ยงการพักผ่อนหรือนอนหลับบริเวณที่มีการจุดธูป และหมั่นทำความสะอาดบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดการสะสมของฝุ่นละอองจากควันธูปที่อาจตกค้างได้” อธิบดีกรมอนามัยกล่าว
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง