ผบ.ตร.ประชุมทีมสืบสวนคดีระเบิดราชประสงค์ เรียกพยานเพิ่ม-คาดเป็นขบวนการกว่า 10 คน

อาชญากรรม
29 ส.ค. 58
16:38
109
Logo Thai PBS
ผบ.ตร.ประชุมทีมสืบสวนคดีระเบิดราชประสงค์ เรียกพยานเพิ่ม-คาดเป็นขบวนการกว่า 10 คน

การประชุมของทีมสืบสวนใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง โดยขณะนี้ตำรวจยังไม่ได้เข้าสอบปากคำผู้ต้องหา ซึ่งยังอยู่ในความควบคุมของทหาร แต่เบื้องต้นได้เชิญพยานมาสอบปากคำเพิ่มเติม

วันนี้ (29 ส.ค.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการควบคุมตัวผู้ต้องหาที่เป็นชาวต่างชาติอายุ 28 ปี ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนทั้งหมด รวมทั้งเชิญตัวคนขับรถแท็กซี่ในฐานะพยานที่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาโดยแท็กซี่ยังให้การสับสนและยังไม่ได้สอบสวนถึงรายละเอียดเชิงลึกว่าเข้าไปเกี่ยวข้องในทางใด

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาคนดังกล่าวเป็นคนสำคัญในขบวนการแต่ยังไม่ทราบว่าทำหน้าที่อะไร ซึ่งขณะนี้เตรียมเชิญล่ามที่พูดภาษาตุรกี และอีกหนึ่งภาษาที่ยังไม่ระบุได้มาร่วมทีมสอบสวน เพื่อเตรียมไว้หากได้เข้าไปสอบสวนผู้ต้องหา หากพ้นจากความควบคุมของทหาร แต่ยังไม่ระบุว่าผู้ต้องหาสัญชาติใด

ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศยืนยันว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาครอบครองวัตถุระเบิดและกำลังสอบสวนว่ามีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทรอย่างไร โดยการควบคุมตัวครั้งนี้เกิดขึ้นตามมาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงต้องควบคุมตัวไว้ในความดูแลของทหารและเมื่อสอบสวนแล้วเสร็จก็จะคุมตัวส่งให้ตำรวจดำเนินคดีต่อ ส่วนสาเหตุที่ผู้ต้องหาก่อเหตุระเบิดครั้งนี้

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังระบุว่า ขณะนี้ตำรวจได้ตัดประเด็นการสอบสวนของผู้ก่อเหตุไปได้จำนวนมากแล้วแต่ยังไม่สามารถยืนยันสาเหตุที่ชัดเจนได้ต้องรอสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นการก่อการร้ายข้ามชาติ

ขณะเดียวกันผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เชื่อว่ายังมีผู้ร่วมก่อเหตุกว่า 10 คน ทั้งหลบหนีอยู่ในประเทศและต่างประเทศ โดยชายคนนี้ยังไม่ยืนยันได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่ศาลได้ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้หรือไม่ ส่วนการตรวจสอบห้องพักพบทั้งวัตถุระเบิดที่เป็นชนิดเดียวกับที่ตรวจสอบพบในที่เกิดเหตุ รวมทั้งพาสปอร์ตปลอมอีกหลายเล่ม ที่ตำรวจพบว่าเป็นจุดเริ่มต้นการกระผิดของผู้ต้องหา และเข้ามาอยู่ในไทยมาประมาณ 1 ปีแล้ว

สำหรับพยานวัตถุที่ยึดได้ในห้องพักทั้งหมด ขณะนี้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลหนองจอก ได้นำส่งให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ตรวจสอบความเชื่อมโยงของทั้งบุคคลและของกลางที่ยึดได้ในที่เกิดเหตุโดยละเอียดอีกครั้ง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง