หลายจังหวัดภาคใต้เตือนเฝ้าระวังดินถล่ม-น้ำป่าไหลหลาก

วันนี้ (17 ก.ย.2558) ฝนตกหนักติดต่อกันใน จ.ตรัง ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดไหลที่ไหลลงสู่ลำคลองสายต่างๆ เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรใน อ.เมือง, นาโยง และย่านตาขาว โดยระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง พื้นที่การเกษตรถูกน้ำป่าเข้าท่วมว่า 300 ไร่

 

ส่วนที่ จ.สงขลา ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องนาน 3 วัน ทำให้เกิดน้ำท่วมหลายตำบลของ อ.สะเดา โดยเฉพาะ ต.ปริก และ ต.สำนักแต้ว น้ำป่าจากเทือกเขาแก้วไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือน, สวนยางพารา และสวนผลไม้

 

ขณะที่ จ.พังงา เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองพังงา ตัดแต่งกิ่งไม้เกาะกลางถนน เนื่องจากเกรงว่ากิ่งไม้จะหักตกใส่รถที่สัญจรไป-มา หลังมีลมพายุพัดแรง ส่วนบ้านพักข้าราชการใน อ.เมือง ถูกลมพายุพัดหลังคากระเบื้องแตก 5 หลัง ขณะที่ห้องปฏิบัติการเฝ้าระวังและเตือนภัยน้ำหลาก-ดินถล่ม แจ้งเตือนภัยให้ประชาชนในพื้นที่ อ.กะปง อพยพไปอยู่ที่ปลอดภัย หลังฝนตกสะสม 12 ชั่วโมง 

 

เช่นเดียวกับที่ จ.ภูเก็ต ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประกาศเตือนให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม น้ำท่วมขัง และน้ำป่าไหลหลาก ด้านเทศบาล ต.กะรน จัดเจ้าหน้าที่บีชการ์ดคอยดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวเพิ่ม พร้อมปักธงแดงห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด

 

ด้าน จ.ตรัง เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยนำเครื่องมือตัดถ่างเข้าให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ หลังเกิดอุบัติเหตุรถกระบะตอนครึ่ง ทะเบียน บธ 5037 ตรัง เสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าบนถนนทางหลวง สายตรัง - ย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว ภายในรถมีผู้บาดเจ็บ 3 คน และเสียชีวิต 2 คน

 

ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า รถกระบะคันดังกล่าวมีโดยสารรวม 5 คน ขับมาด้วยความเร็วสูงจาก อ.ย่านตาขาว มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองตรัง ช่วงเกิดเหตุฝนตกหนัก ทำให้เสียรถเสียหลักลื่นไถลไปอัดกับเสาไฟฟ้า เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว