ค้นพบร่องรอยของเหลว พลิกทฤษฎีศึกษาดาวอังคาร

Logo Thai PBS
ค้นพบร่องรอยของเหลว พลิกทฤษฎีศึกษาดาวอังคาร

กรณีที่นาซ่าเปิดเผยข้อมูลการค้นพบน้ำบนดาวอังคารและแม้น้ำจะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิต แต่บนดาวอังคารยังมีอีกหลายปัจจัยที่ไม่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิต อย่างเช่น อากาศเบาบางและช่วงอุณหภูมิที่กว้าง โดยอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียสและอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ -140 องศาเซลเซียส แต่การพบน้ำก็ถือว่าเป็นการค้นพบที่พลิกทฤษฎีของดาวอังคาร

"ดาวอังคาร" เป็นดาวเคราะห์สีแดงที่เต็มไปด้วยหิน ดิน แร่ธาตุต่างๆที่เป็นของแข็ง แต่ขณะนี้มีส่วนประกอบมากกว่านั้นคือของเหลวบนพื้นผิวดาวอังคาร ซึ่งดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ลำดับ 4 ของระบบสุริยะ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6,700 กิโลเมตร ห่างจากโลกเฉลี่ย 78 ล้านกิโลเมตร ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นดิน หิน ฝุ่นสีแดง ชั้นบรรยากาศเบาบาง ส่วนใหญ่เป็นคาร์บอนไดออกไซค์

มนุษย์ส่งยาน 7 ลำ ไปสำรวจดาวอังคาร มีวงโคจรแตกต่างกันไป จุดที่น่าสังเกตล่าสุดคือเมื่อคืนวานนี้ (28 ก.ย.2558) นักวิจัยตรวจสอบภาพถ่ายสเปกตรัมและเครื่องตรวจวัดแร่ธาตุต่างๆจากยานเอ็มอาร์โอและพบสัญญาณของผลึกแร่ บริเวณเนินเขาไหลลงมาคล้ายกับของเหลวบนพื้นผิวของดาวอังคาร บริเวณปากหลุมอุกกาบาต เฮลล์ แล้วนำมาเปรียบเทียบกับสภาพภูมิประเทศดาวอังคารก่อนหน้านี้ พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา รอยเหล่านี้ปรากฏขึ้นหลายแห่งเมื่ออุณหภูมิบนดาวดวงนี้สูงกว่า -23 องศาเซลเซียส แต่ถ้าต่ำกว่านั้นก็จะหายไปเมื่ออุณหภูมิเย็นลง นั่นหมายความว่า จุดเยือกแข็งของน้ำบนดาวอังคารไม่ได้อยู่ที่ 0 องศาเหมือนกับโลกและในน้ำมีเกลือมาก ไม่เหมาะกับสิ่งมีชีวิต

แม้การค้นพบว่ามีน้ำบนดาวอังคารอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้มีการสำรวจพบร่องรอยน้ำไหลและพบน้ำที่มีสูตรทางเคมี H2O เช่นเดียวแบบโลกของเรา แต่อยู่ในสถานะของแข็งที่ไม่เคยเปลี่ยนเป็นของเหลวมาก่อน นี่จึงเป็นครั้งแรกที่พบว่าเป็นของเหลว

ก่อนหน้านี้ นาซ่าใช้ยานบินสำรวจดาวอังคารและลงจอด โดยใช้หุ่นยนต์ลงไปถ่ายภาพและส่งข้อมูลกลับมายังโลก แต่การพบของเหลวครั้งนี้ทำให้นาซ่ามีแผนที่จะนำยานลงจอด โดยพานักวิทยาศาสตร์ลงไปสำรวจแหล่งที่มาของน้ำด้วย ซึ่งคงจะเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของมนุษย์ที่จะไปเหยียบดาวอังคารและเมื่อนั้นคงจะได้คำตอบว่ามนุษย์จะอาศัยบนดาวอังคารได้หรือไม่


ข่าวที่เกี่ยวข้อง