“ดร.ธรณ์”สลดขยะเกลื่อนทะเล“เกาะปิเละ” ททท.หลงตัวเลขนักท่องเที่ยว-ดราม่ารักโลก

Logo Thai PBS
“ดร.ธรณ์”สลดขยะเกลื่อนทะเล“เกาะปิเละ” ททท.หลงตัวเลขนักท่องเที่ยว-ดราม่ารักโลก

"ดร.ธรณ์" สลดภาพแพขยะเกลื่อนเกาะปิเละ เขียนเฟซบุ๊กจวกนักท่องเที่ยวมักง่าย ไร้จิตสำนึก ททท.หลงแต่ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยว และโครงการรณรงค์รักโลก ทั้งที่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น

วันนี้ (9 พ.ย.) เวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ รายงานว่า ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขียนลงในเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ระบุว่า #กู้วิกฤตพีพี ผมเข้าไปในอ่าวสวยที่สุดของเมืองไทย เพื่อพบว่า อ่าวปิเละ เกาะพีพีเล เป็นอ่าวที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในไทย ในสายตาของผม ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งมาที่นี่ตอนอยู่ม.5 (กี่สิบปีแล้วนะ อ้อ...34 ปี) ครั้งนั้นผมลงน้ำที่แนวปะการังด้านนอก ว่ายผ่านหย่อมปะการังน้ำตื้นอันงดงาม เข้าไปพบกับสิ่งมหัศจรรย์โอบล้อมด้วยผาหินปูน ปะการังอยู่ตรงนั้นตรงนี้บ้าง รอบด้านเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจวัยรุ่นเต้น จะยกเว้นก็ตอนนกแก๊กร้องมาจากริมผา

ผมกลับไปปิเละอีกหลายหน โดยเฉพาะช่วงดำน้ำ SCUBA ที่ริมหน้าผาทางเข้าอ่าว ผมมักใช้เวลาก่อนขึ้น ลอยคอนิ่งๆ ดูปะการังน้ำตื้นในแถบนี้ ดูปลาการ์ตูนว่ายทักทายดอกไม้ทะเล ผมยังมีโอกาสบินสำรวจทะเลไทย ตั้งแต่ปี 40 เรื่อยมา ครั้งใดที่บินผ่านพีพี ผมจะขอให้นักบินไปปิเละ เพราะแค่เห็นก็วาบหวามใจ

เมื่อพีพีเข้าสู่ยุคบรรลัย ผมไม่ยอมกลับไปปิเละอีกเลย คนรักเก่า แม้จะแยกกันแล้ว แต่เราย่อมอยากเห็นเธอไปดี แต่เธอกลับเละ...และเละยิ่งขึ้น จนผมรับหน้าที่ปฏิรูปทะเล ผมกลั้นใจมามองเธออีกครั้ง เริ่มจากทางฟ้า ผมนั่งฮ.ของสกายรีพอร์ตไปสำรวจ 2 ครั้งในเวลาใกล้เคียงกันเมื่อกลางปี

ยังจำได้ ครั้งแรกที่เห็น พอเราบินจากมา นักข่าวสัมภาษณ์ ผมพูดแทบไม่เป็นภาษาคน มันพูดไม่ออก ไม่อยากเชื่อสายตา ทั้งอ่าวมีเรือจอดเรียงกันอย่างต่ำ 30 ลำ ไม่มีอีกแล้ว ปะการังในอ่าว แม้แต่แนวปะการังด้านหน้า เรือวิ่งเข้าออกด้วยความถี่มากกว่าเรือในคลองแสนแสบ ตะกอนทรายที่ฟุ้งกระจายทับปะการังทุก 4-5 นาที จะมีอะไรเหลือ

นี่หรือคือสิ่งที่เราปล่อยให้เกิดขึ้นในจุดสวยที่สุดของทะเลไทย ? ผมกลับไปอีกครั้ง เมื่อหัวหน้าพีพีที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง ขอให้ผมลงไปช่วยในพื้นที่ ในบรรดาทะเลทั้งหมดของพีพี ที่นี่คือจุดที่ผมไม่อยากไปที่สุด...

บ่ายวันนั้นผมเข้าไปในอ่าว เรือเล็กของเราวิ่งเข้าไปช้าๆ (ไม่กล้าว่ายน้ำเข้าเพราะมั่นใจว่าโดนเรือชนตายแน่) อ่าวที่ผมเคยจำได้ของผมจากไปแล้ว จากไปจริงๆ ผมไม่เจอปะการังที่เคยมีแม้แต่หย่อมเดียว เธอสูญสลายจนไร้หลักฐานปรากฏ

ความเงียบสงบถูกแทนด้วยเสียงนักท่องเที่ยวหลายร้อย นักเที่ยวจีนกำลังเล่นวอลเล่ย์บอลในน้ำ บ้างปีนไปบนหัวเรือแล้วกระโดดตีลังกาลงน้ำ มันเหมือนสระน้ำ เหมือนสวนน้ำ เหมือนอะไรก็ได้ยกเว้นอุทยานแห่งชาติ

มุมหนึ่งใกล้หน้าผาคือแพสีขาว เมื่อเข้าไปใกล้ ผมเปลี่ยนไปใส่แว่นตาดำ อาจารย์ธรณ์ก็ร้องไห้เป็น ผมไม่บรรยายเกี่ยวกับแพขยะ ภาพบ่งบอกดีกว่าคำพูด

เรากลับมาข้างนอก หัวหน้าถามว่าผมต้องส่งลูกน้องมาเก็บขยะทุกวันเหรอ ผมตอบไป อุทยานมีเรือยาง 1 ลำ อยู่เกาะไม้ไผ่ ห่างจากที่นี่ไปไกลโข อีกทั้งภารกิจมีมหาศาล อุทยานไปดูแลคนทิ้งสมอ ทำโน่นทำนี่ ดีกว่ามาเก็บขยะ

ผมไปอุทยานมาไม่รู้กี่ร้อยแห่งทั่วโลก ก็ไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่ต้องมาคอยเก็บขยะที่นักท่องเที่ยวทิ้ง นักเที่ยวต้องมีสำนึกเอง ผู้ประกอบการต้องช่วยดูแล เจ้าหน้าที่แค่คอยควบคุมความเรียบร้อย จิวจ่ายโกว เมืองจีน นักเที่ยววันละ 2-3 หมื่นคน ตลอดเส้นทางเดินนับสิบกิโลเมตร ผมเห็นขยะน้อยกว่าในอ่าวปิเละในวันนั้น

อย่าไปโทษคนชาติใด มันอยู่ที่การจัดการ ผมไปอุทยานเมืองจีนมานับสิบแห่ง ผมยังไม่เคยเห็นที่ไหนเละตุ้มเป๊ะเท่าเมืองไทย ไม่งั้นเมืองจีนคงไม่มีเขตมรดกโลกหลายสิบแห่ง

การจัดการขยะในปิเละ หรือในที่อื่นของพีพีไม่ใช่เรื่องยาก หากเรามีเครือข่าย เราช่วยกันคนละมือละไม้ อย่าไปโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ยังมีการจัดการเรื่องอื่นที่ยากกว่านั้นมากที่ปิเละและยากกว่านั้นมากที่อื่นๆ รอบพีพีและมันจะเป็นไปไม่ได้ หากเราไม่คิดกอบกู้เธออย่างจริงจัง หลงละเมอเพ้อพกไปกับยุทธศาสตร์และแผนงาน จนลืมดูศักยภาพในการดูแลพื้นที่ของหน่วยงาน

หากผู้บริหารท่านใดมีความสุขกับตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกวัน ชอบอกชอบใจกับโครงการรณรงค์รักโลกรักแหล่งท่องเที่ยวไทยโน่นนี่นั่น ลองใช้เวลาสักนิดเหลียวมามองแพขยะในอ่าวสวยสุดของไทยบ้าง คำพูดในห้องประชุม ตัวอักษรในบทสรุปผู้บริหาร กับความเป็นจริงในทะเล บางครั้งมันต่างกัน

ไม่ต้องการทำลายภาพพจน์การท่องเที่ยวไทย แต่เราปิดความจริวต่อไปไม่ไหว ไม่ไหวจริงๆ ครับ ผมไปปิเละวันแรกๆ ของทริปพีพี ผมกลับมาคิดถึงภาพปิเละในวันเก่าก่อน คิดถึงความทรงจำกับใครคนหนึ่งคนนั้น สุดท้าย ผมคิดถึงคุณพ่อ ผู้เป็นคนเปิดอุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

รุ่นน้องที่เป็นคนสำรวจปะการัง บอกว่าเรียกร้องมาเป็นสิบปี ไม่เห็นมีอะไร พี่ธรณ์มาทีเดียว เหมือนกับระเบิดลงพีพี ใช่สิน้อง เพราะพี่ธรณ์บอกตัวเองหลังจากเห็นภาพปิเละในวันนั้น ถึงเวลา "ลุยกับแมร่ง"

หมายเหตุ ในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ผมได้รับการติดต่อจากหน่วยงานต่างๆ มากมาย หัวหน้าก็บอกว่าใครต่อใครพากันโทรสอบถาม ความเปลี่ยนแปลงกำลังเริ่มต้น เพราะฉะนั้น ทุกไลค์ทุกแชร์ของเพื่อนธรณ์กำลังส่งผล สะเทือนไปทั้งอันดามัน ขอให้ช่วยกันอีกหน่อย โดยเฉพาะคนพีพี คนกระบี่ เราปล่อยให้เธอโดนโทรมมานานเกินไป

ไม่อยาก "ลุยกับแมร่ง" บ้างหรือครับ
https://www.facebook.com/thon.thamrongnawasawat/posts/1221645374517330


ข่าวที่เกี่ยวข้อง