เรือลดจำนวนบรรทุกสินค้าในแม่น้ำโขง
น้ำในแม่น้ำโขงที่ลดลงอย่างรวดเร็วส่งผลให้ผู้ประกอบการเดินเรือรับส่งสินค้าจากประเทศลาว ต้องลดจำนวนสินค้าที่บรรทุกลงกว่าครึ่ง เพื่อป้องกันเรือติดโขดหินและสันทรายผู้ประกอบการเดินเรือบรรทุกสินค้าการเกษตรและของเก่าจากเมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มาส่งยังท่าเรือเชียงคาน จังหวัดเลย ต้องลดปริมาณการบรรทุกจาก 200 ตันเหลือเพียง 100 ตันเพื่อป้องกันท้องเรือชนโขดหินและติดสันทรายกลางแม่น้ำ หลังระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดลงอย่างรวดเร็ว ด้านศูนย์สำรวจอุทกวิทยาที่ 8 เชียงคาน ระบุว่าตั้งแต่ต้นเดือนพฤษจิกายนจนถึงปัจจุบันระดับน้ำลดลงกว่า 2 เมตร เหลือเพียง 6.18 เมตร และยังคงลดลงเฉลี่ยวันละ 1 เซนติเมตรคาดว่าในปีนี้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะเข้าสู่ภาวะวิกฤตเร็วกว่าทุกปี และคาดว่าภายในเดือนธันวาคมจะลดจนไม่สามารถเดินเรือได้
เช่นเดียวกับที่จังหวัดหนองคายระดับน้ำวัดได้ 3.64 เมตร เฉลี่ยปริมาณน้ำลดลงวันละ 5-10 เซนติเมตร โดยเจ้าหน้าที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคายระบุว่าปริมาณน้ำที่ลดลงขณะนี้นี้เกิดปริมาณน้ำจากภาคเหนือ และน้ำในลำน้ำสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงมีน้อย คาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเดือนพฤษภาคม เกษตรกรที่อาศัยน้ำโขงทำการเกษตรควรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยเพื่อป้องกันการขาดแคลนน้ำ
ขณะที่นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เปิดเผยว่าได้ทำหนังสือขอข้อมูลเรื่องการปล่อยน้ำจากเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงในประเทศจีนผ่านคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง หรือ MRC เนื่องจากในการประชุม MRC เมื่อปีก่อนมีข้อตกลงร่วมกันว่า ทางการจีนจะให้ข้อมูลเรื่องระดับน้ำ และการปล่อยน้ำแก่ประเทศสมาชิกทางปลายน้ำ ทั้งให้ทราบว่าระดับน้ำโขงที่แห้งผิดปกติในช่วงนี้เกิดจากเหตุใด ขณะเดียวกันกรมทรัพยากรน้ำจะลงสำรวจพื้นที่ริมแม่น้ำโขงในจังหวัดเชียงรายเพื่อตรวจสอบปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นเพื่อหาทางแก้ไขในระยะยาวภายในสัปดาห์หน้า