อีสานแล้งฝน ส่งผลนาข้าวตายนับหมื่นไร่ ขณะที่บางพื้นที่ทางเหนือระดับน้ำสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อชุมชนริมน้ำ
ชาวบ้านแม่ตาว ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ยังคงได้รับผลกระทบจากแม่น้ำเมยที่เพิ่มระดับสูงขึ้นเอ่อหนุนลำห้วยแม่ตาว และลำห้วยบ้านห้วยม่วง จนไหลเข้าท่วมบ้านกว่า 50 หลัง ชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหนะมากว่า 4 วัน ซึ่งเทศบาลตำบลท่าสายลวด ต้องนำอาหารแห้งไปแจกจ่าย พร้อมระบุว่า สภาพพื้นที่ของหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ลำห้วย ทำให้ต้องแก้ปัญหาต้องทำพนังกันน้ำ แต่เนื่องจากขาดแคลนงบประมาณ จึงร้องขอให้รัฐบาลสนุบสนุน
ส่วนเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลนครนครสวรรค์ เร่งขยายท่อระบายน้ำจากเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 เซ็นติเมตร เป็น 60 เซ็นติเมตร เพื่อให้สามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาหากมีฝนตกปริมาณมาก จะทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมถนนและบ้านเรือน
ส่วนที่อ.เมือง จ.พิจิตร ชาวต.หัวดง ใช้พื้นที่หน้าบ้านเป็นอู่ต่อเรือเหล็ก เนื่องจากเป็นที่ต้องการของประชาชนในช่วงฤดูน้ำหลาก เพราะมีราคาถูกกว่าเรือไม้ และเรือพลาสติก แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่จะล่มกว่าเรือประเภทอื่น
ขณะที่หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะนี้ กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง เช่น อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ฝนทิ้งช่วงมากกว่า 3 เดือน ทำให้นาข้าวในต.ถลุงเหล็ก ยืนต้นตาย เสียหายกว่า 10,000 ไร่ เกษตรกรประสบปัญหาขาดทุน จึงเรียกร้องให้จังหวัดเร่งสำรวจเพื่อช่วยเหลือ
เช่นเดียวที่จ.มหาสารคาม นาข้าวที่อยู่นอกเขตชลประทานเริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะในต.แวงน่าง อ.เมือง นาข้าวกว่า 20,000 ไร่เสียหาย สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ต้องประสานไปยังหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น เร่งทำฝนหลวง
ส่วนสถานการณ์น้ำในแม่น้ำมูล และแม่น้ำชีที่จ.อุบลราชธานีพบว่า ระดับน้ำยังคงต่ำกว่าตลิ่งและมีระดับกักเก็บน้อยกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากสำนักงานชลประทานจังหวัดได้เร่งพร่องน้ำ ประกอบกับฝนค่อนข้างเบาบาง แต่เจ้าหน้าที่ยังคงแจ้งเตือนชุมชนที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำให้ระวังพายุฝนที่จะพาดผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงต้นเดือนกันยายน