คลองอู่ตะเภา จ.สงขลา ถูกนายทุนลักลอบดูดทรายไปขายจนตลิ่งพัง-น้ำเปลี่ยนทิศ

ภูมิภาค
19 ส.ค. 55
14:24
39
Logo Thai PBS
คลองอู่ตะเภา จ.สงขลา ถูกนายทุนลักลอบดูดทรายไปขายจนตลิ่งพัง-น้ำเปลี่ยนทิศ

ชาวบ้านที่อาศัยริมคลองอู่ตะเภาใน อ.สะเดา อ.คลองหอยโข่ง และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กำลังได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากมีกลุ่มนายทุนลักลอบเข้าไปดูดทรายจนทำให้น้ำในลำคลองเปลี่ยนทิศทางและกัดเซาะตลิ่งพังสวนยางพาราของชาวบ้านได้รับความเสียหาย

ตลิ่งริมคลองอู่ตะเภาในพื้นที่ อ.สะเดา อ.คลองหอยโข่ง และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เกิดการพังทลายในหลายจุด บางจุดรุนแรงทำให้สวนยางพาราของชาวบ้านได้รับความเสียหาย ชาวบ้านระบุว่า สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการลักลอบขุดทรายของกลุ่มนายทุนและกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ทำให้สายน้ำเปลี่ยนทิศทาง แม้จะเคยร้องเรียนไปยังหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องไปแล้วหลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รับการแก้ไข

สำหรับการดูดทราย นายทุนจะนำเครื่องดูดทรายขนาดใหญ่ ไปติดตั้งไว้กลางคลองอู่ตะเภา จากนั้นจะเดินเครื่องดูดทรายตลอดทั้งวัน ซึ่งมีการดูดทรายในคลองอู่ตะเภามานานกว่า 10 ปีแล้ว ทรายปริมาณมหาศาลจึงถูกดูดขึ้นจากลำน้ำสายนี้

ทีมงานข่าวไทยพีบีเอส เข้าไปพูดคุยกับเจ้าของบ่อดูดรายหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ติดริมคลองอู่ตะเภา เพื่อสอบถามถึงขั้นตอนของการขออนุญาตการทำบ่อดูดทราย เจ้าของบ่อดูดทรายรายนี้ ได้นำเอกสารออกมายืนยันว่ามีการขออนุญาตดูดทรายอย่างถูกต้อง จากกรมเจ้าท่าที่อนุญาตให้ใช้เรือในการขนส่งทางน้ำ

<"">

แต่จากการไปตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา กลับพบว่าข้อมูล มีความขัดแย้งกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าใบอนุญาตที่ผู้ประกอบการนำมาแสดงนั้น เป็นเพียงอนุญาตให้ใช้เรือในการขนส่งในคลองอู่ตะเภาเท่านั้นไม่อนุญาตให้ดูดทรายแต่อย่างใด ส่วนการที่จะดูดทรายหรือการขุดลอกคลองได้นั้นจะต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการของทางจังหวัด ซึ่งมีหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องรวม 12 หน่วยงานเป็นคณะกรรมการ

ทั้งนี้การลักลอบดูดทรายในพื้นที่ จ.สงขลา นอกจากตลอดลำคลองอู่ตะเภาซึ่งมีความยาวเกือบ 100 กม. จำนวนกว่า 10 จุดแล้ว พบว่ายังมีการลักลอบดูทราย ใน อ.เทพา อ.จะนะ และอ.รัตภูมิ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรงและสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีการลักลอบดูดทรายเป็นอย่างมาก

ส่วนเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าระบุว่าการจับกุมผู้กระทำผิด มีเพียงอำนาจปรับเป็นจำนวนเงินประมาณ 50,000 บาท ในขณะที่ผลประโยชน์ในการลักลอบดูดทรายในแต่ละจุดมีมูลค่าหลายสิบล้านบาททำให้ยังมีการลักลอบดูดทรายอย่างต่อเนื่อง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง