สภาทนายความคาด 2 สัปดาห์รู้ผลสอบ กรณีกสทช.จัดสรรคลื่นไม่เป็นธรรม

เศรษฐกิจ
23 ส.ค. 55
08:40
9
Logo Thai PBS
สภาทนายความคาด 2 สัปดาห์รู้ผลสอบ กรณีกสทช.จัดสรรคลื่นไม่เป็นธรรม

สภาทนายความตั้งคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ กรณีที่ กลุ่มพระสงฆ์วัดป่าบ้านตาด และประชาชน รวมตัวเรียกร้องให้ตรวจสอบ การปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. โดยหากเห็นว่าจัดสรรคลื่นความถี่ไม่เป็นธรรม ก็มีแนวทางฟ้องร้องต่อศาลปกครอง

สภาทนายความตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดสรรคลื่นความถี่ ไม่เป็นธรรม และไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลังจากกลุ่มคณะสงฆ์ จากวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี และผู้รับฟังสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนกว่า 3,000 คน รวมตัวในนามมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน ยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือ

ทั้งนี้นายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความ ระบุว่า กสทช.จัดสรรคลื่นความถี่ โดยมีแนวทางให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ได้เปรียบด้านกำลังส่งมากกว่าภาคท้องถิ่น ทางมูลนิธิเสียงธรรม ก็สามารถฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้ โดยมีสภาทนายความช่วยให้คำปรึกษาข้อกฏหมาย เพราะการจัดสรรคลื่นเช่นนี้ อาจผิดตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ต้องเปิดกว้างให้เกิดความเป็นธรรมและเท่าเทียมกันทุกฝ่าย

นายเจษฏา อนุจารี ระบุว่า คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 2 สัปดาห์ โดยไม่จำเป็นต้องเชิญ กสทช.มาชี้แจง แต่จะดูจากเอกสารร่างประกาศการจัดสรรคลื่นความถี่ของ กสทช.ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่า มีคำสั่ง หรือ ระเบียบที่ไม่ชอบด้วยกฏหมายหรือไม่ ซึ่งแนวคิดการตั้งองค์กรอิสระอย่าง กสทช. ทุกฝ่ายรอกันมานาน เพื่อให้เกิดการจัดสรรคลื่นความถี่ ซึ่งเป็นสมบัติสาธารณะอย่างเป็นธรรม แต่หากมีการกระทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใดโดยเฉพาะ ก็ต้องส่งเรื่องฟ้องร้องต่อศาลปกครองแน่นอน เพราะที่ผ่านมา การประชาพิจารณ์ก็มีหลายฝ่ายไม่เห็นด้วย

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กสทช. ระบุว่า ข้อเรียกร้องที่เป็นไปได้ยาก คือ มูลนิธิฯ ขอกำลังส่ง 10,000 วัตต์ ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาคลื่นสัญญาณวิทยุรบกวนกันแน่นอน และทำให้สถานีอื่นๆ ต้องยื่นขอให้เพิ่มกำลังส่งตามไปด้วยจากเดิมที่ กสทช. พร้อมเห็นว่า เป็นเรื่องปกติที่จะโดนฟ้องร้อง แต่สิ่งที่ กสทช.ดำเนินการ คือการนำผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระเบียบ เข้ามาจัดการให้ถูกต้อง และเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ โดยมั่นใจว่าทำตามกฎหมาย และสร้างความเสมอภาคกับทุกคน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง