ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 66.4% ระบุ มีแผนรับมือน้ำท่วม 75.4% ไม่เชื่อมั่นฝีมือจัดการน้ำของรัฐบาล 6 เดือนมั่นใจวูบ 23.3%

เศรษฐกิจ
19 ก.ย. 55
17:26
22
Logo Thai PBS
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 66.4% ระบุ  มีแผนรับมือน้ำท่วม  75.4% ไม่เชื่อมั่นฝีมือจัดการน้ำของรัฐบาล 6 เดือนมั่นใจวูบ 23.3%

ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ทำการสำรวจการเตรียมความพร้อมรับมือกับน้ำท่วมของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในกรุงเทพมหานครฯ นนทบุรี ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา

 วันที่ 13 ถึง 17 กันยายน  2555  โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวน 418  ราย   ที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากน้ำท่วมในปี 2554  ซึ่งในจำนวนนี้  352 รายเป็นกลุ่มตัวอย่างที่เคยทำการสำรวจในประเด็นเดียวกันมาแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา  (คิดเป็น 84.2%  ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดที่ทำการสำรวจในครั้งนี้) 

เมื่อสอบถามถึงการคาดการณ์เกี่ยวกับความรุนแรงของน้ำท่วมในปี 2555 ในพื้นที่ที่กลุ่มตัวอย่างประกอบกิจการอยู่เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 12.2%  คาดว่า  รุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา  18.4%  ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา  33.5%  น้อยกว่าปีที่ผ่านมา 31.6%  ไม่ท่วม  และอีก 4.3%  ไม่แน่ใจ
ด้านความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความสามารถในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล 4.2% ระบุว่า  เชื่อมั่นมาก  20.4%  ค่อนข้างเชื่อมั่น 55.6% ไม่ค่อยเชื่อมั่น และอีก 19.8%  ไม่เชื่อมั่นเลย  ซึ่งหากรวมกลุ่มที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นและไม่เชื่อมั่นเลยเข้าด้วยกัน  จะคิดเป็น 75.4% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด เพิ่มขึ้น 23.3% เมื่อเทียบกับผลการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาซึ่งพบว่า  กลุ่มตัวอย่างที่ไม่เชื่อมั่นใน 4 จังหวัดนี้มีอยู่ 52.1%  
ในประเด็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับน้ำท่วม  กลุ่มตัวอย่าง 66.4%  มีแผนรับมือกับน้ำท่วมไว้แล้ว 33.6%  ยังไม่มีแผน  กลุ่มที่มีแผนรับมือ  สามารถดำเนินการตามแผนดังกล่าวไปแล้วโดยเฉลี่ยประมาณ 87.3%  
เมื่อสอบถามถึงวิธีการเตรียมการรับมือกับน้ำท่วมที่ใช้ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)  แบ่งตามหลักแผนประคองกิจการ (Business Continuity Plan)  พบว่า 53.3% มีการบันทึกข้อมูลสำรองของบริษัทและลูกค้า 50.0% สำรองเงินสดไว้ใช้  35.0% ย้ายสายไฟ  อุปกรณ์ไฟฟ้า  และเครื่องมือเครื่องจักรไปไว้ที่สูง 31.7% หาแหล่งเงินกู้ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน 30.0% ถมที่/สร้างพนังกั้นน้ำ 28.3% เตรียมสำรองวัตถุดิบไว้ใช้ในการผลิต 26.7% วางแผนการขนส่งสินค้าและวัตถุดิบ 25.0% วางแผนการอพยพพนักงานในกรณีน้ำท่วมฉุกเฉิน 21.7% หาสถานที่ผลิตชั่วคราวในพื้นที่อื่น 18.3% หาผู้ขายวัตถุดิบ (ซัพพลายเออร์) ในพื้นที่อื่น
นายเกียรติอนันต์  ล้วนแก้ว  ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย  มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  กล่าวว่า  ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีการเรียนรู้จากมหาอุทกภัยในปีที่ผ่านมา  จึงเตรียมการล่วงหน้าระดับหนึ่ง  อย่างไรก็ตาม  ความสามารถในการรับมือกับปัญหาของเอสเอ็มอีมีจำกัด  รัฐบาลจึงต้องมีการวางแผนและการบริหารจัดการปัญหานี้ให้ดี  เพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น  
นอกจากนี้  รัฐบาลต้องตระหนักว่า  ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจด้านการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมรัฐบาล  เป็นดัชนีชี้วัดความมั่นคงทางการเมืองที่สำคัญตัวหนึ่ง   ความเชื่อมั่นที่ลดลงถึง 23.3%  ในเวลาเพียง 6 เดือน  จึงเป็นสัญญาณเตือนที่รัฐบาลไม่ควรมองข้าม  เพราะภาพความไม่มีประสิทธิภาพและความไม่โปร่งใสในการทำงานของรัฐบาลซึ่งยังติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้  ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการทำงานในช่วงเกิดมหาอุทกภัยในปีก่อน  รัฐบาลต้องเข้าใจว่า  นักธุรกิจไม่ได้ประเมินคำว่า “เอาอยู่” จากการป้องกันไม่ให้น้ำท่วมรุนแรงเหมือนปี 2554  แต่จะประเมินจากความสามารถในการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมว่าคุ้มค่ากับงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาทที่ลงไปหรือไม่
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง