นักวิชาการในพื้นที่แนะความรุนแรง 3 จว.ใต้ รบ.ไทยแก้ปัญหาลำพังไม่ได้
ก่อนที่คนร้ายจะจุดฉนวนระเบิดในรถจักรยานยนต์ซ้ำ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4 คน ในเหตุกราดยิงร้านคาราโอเกะ จ.นราธิวาส เมื่อคืนที่ผ่านมา(9 ม.ค.) แต่เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นซ้ำๆในช่วง 9 ปี กับสถานบันเทิง ทำให้สถานบันเทิงหลายแห่งใน จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ต่างเริ่มทำใจยอมรับกับชะตากรรม อย่างเจ้าของร้านคาราโอเกะ ในจังหวัดปัตตานี แม้เจ้าของร้านจะลงทุนติดตั้งกล้องวงจรปิดกว่า 40,000 บาท หรือไม่อนุญาตให้รถที่ไม่ใช่ของผู้มาใช้บริการจอดมาหน้าร้าน แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะป้องกันเหตุรุนแรงได้หรือไม่
แม้ในมุมมองของอับดุลรอนิง สือแต นักวิชาการวิทยาลัยอิสลามศึกษา มอ.ปัตตานี จะมองว่า การตกเป็นเป้าหมายของสถานบันเทิง โรงแรม และร้านอาหารถี่มากขึ้นในช่วงหลายเดือนหลัง ไม่ได้มาจากสาเหตุของความต้องการตอบโต้กระบวนการพูดคุยสันติภาพของกองทัพภาคที่ 4 หรือต้องการตอบโต้การเดินทางไปประเทศมาเลเซียของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความร่วมมือในการแก้ปัญหาความไม่สงบ แต่โดยส่วนตัวนักวิชาการเห็นว่า การแสดงท่าทีที่เปิดเผยของทางการไทย ที่ต้องการให้มาเลเซียเข้ามาเป็นคนกลางในการเจรจา หรือส่งมอบแนวร่วมเป็นสิ่งที่ดี เพราะไทยไม่สามารถแก้ปัญหาสามจังหวัดได้เพียงลำพัง
แม้กระบวนการพูดคุยสันติภาพจะมีความก้าวหน้ามากขึ้น แต่ความไม่สงบที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องและรุนแรง โดยเฉพาะสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ทางเศรษฐกิจ ทำให้ระบบเศรษฐกิจฐานล่างซบเซาอย่างหนัก ซึ่งจากข้อมูลตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่า ตั้งแต่ 2547-2552 การขยายตัวทางเศรษฐกิจใน 3 จังหวัด มีเพียงร้อยละ 1.4 ซึ่งต่ำกว่าอัตราการขยายตัวในช่วงก่อนเกิดเหตุซึ่งอยู่ที่ ร้อยละ 6 ต่อปี การยุติเหตุรุนแรงรายวัน คือสิ่งที่ชาวบ้านทุกคนที่นี้ยังคงเรียกหา