"กิตติรัตน์" ยันไม่ต้องมีมาตรการพิเศษดูแลเงินบาทแข็งค่า

เศรษฐกิจ
20 มี.ค. 56
10:04
54
Logo Thai PBS
"กิตติรัตน์" ยันไม่ต้องมีมาตรการพิเศษดูแลเงินบาทแข็งค่า

ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานสถานการณ์ค่าเงินบาทต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันไม่จำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษดูแลเงินบาทแข็งค่า แต่จะเน้นการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจเป็นหลัก

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. และธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เพื่อสรุปภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา และสถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาท ว่า ธปท.ได้รายงานว่า การแข็งค่าของเงินบาทมาจากเงินทุนไหลเข้า โดยนักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจไทย หลังจากที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือฟิทช์ เรตติ้ง ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทยเพิ่มมากขึ้น และบริษัทจดทะเบียนมีผลประกอบการที่ดี

ดังนั้นสำหรับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องออกมาตรการอะไรเป็นพิเศษที่จะต้องเข้ามาดูแล รวมทั้งยังไม่มีมาตรการเก็บภาษีเงินเก็งกำไร หรือ Tobin tax ด้วย โดยขณะนี้จะเน้นการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจเป็นหลัก และจะไม่มีการใช้มาตรการอะไรที่ผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการดอกเบี้ยต่ำหรือสูงเกินไป หรือมาตรการสกัดกั้นเงินทุน เพราะหากดำเนินการไปแล้ว จะได้ผลเสียมากกว่าผลดี และอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่นได้

ทั้งนี้ มาตรการที่ใช้อยู่นี้จะเป็นมาตรการตามปกติ ตามหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน เช่น กระทรวงการคลังมีนโนยบายการคลัง เป็นเรื่องแผนการลงทุน ส่วนนโยบายการเงิน คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง.จะประชุมหารือเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการประชุมของคณะบุคคล ที่ภาครัฐหม่สามารถแทรกแซงได้

ส่วนดัชนีหุ้นไทยที่ลดลงกว่า 30 จุด ในวันที่ 20 มี.ค. เพราะกังวลจะมีการออกมาตรการสกัดเงินบาทแข็งค่า นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า บางครั้งตลาดหุ้นก็อ่อนไหว และชอบคิดกันไปเอง คงต้องปล่อยให้ตลาดทำงานไปตามกลไกของตลาด ซึ่งยืนยันว่า ไม่มีแนวคิดที่จะออกมาตรการฝืนธรรมชาติ นอกจากนี้รัฐบาลยังมีโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทอยู่แล้ว ซึ่งจะเพิ่มการลงทุนมากขึ้น ดังนั้นจะมีการนำเข้าเครื่องจักร และวัตถุดิบ ซึ่งจะเป็นแนวทางหนึ่งในการนำเงินดอลลาร์ออกไปใช้ และคงจะมีผลทำให้เงินบาทแข็งค่าน้อยลง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง