สานเสียงพิณ : ศิลปะ ดนตรี และบทกวีจากเพื่อนน้าหว่อง 
แม้ไม่อาจจับพิณคู่ใจมาบรรเลงได้เช่นแต่ก่อน แต่เมื่อถูกเชื้อเชิญให้ขึ้นเวที มงคล อุทก หรือ หว่อง คาราวาน ก็เลือกบทเพลง"แสงตะเกียง" ที่แต่งขึ้นแทนความรักที่มีต่อผืนป่าตะวันตก ศิลปะ และพ้องเพื่อน มาขับร้องเพื่อบอกตัวตนของคนเพลงเพื่อชีวิต ที่ตนยึดเป็นแนวทางทำเพลงร่วมกับวงคาราวาน กับสร้างสรรค์งานเขียนมาเกือบ 40 ปี
ความสุขใจที่กลับมาร้องเพลงได้อีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ป่วยจากโรคกระดูกเสื่อมและวัณโรคกระดูก จนพูดไม่ได้มากว่าครึ่งปี ส่วนมือ และเท้าไม่สามารถใช้การได้เช่นกัน แม้วันนี้ศิลปินเพื่อชีวิตผู้นี้จะยังไม่อาจเคลื่อนไหวได้สะดวกนัก ครั้งนี้ยังเป็นต้นเสียงในบทเพลงดอกไม้ให้คุณ ร่วมกับดนตรีไทยของวงมโหระทึก ในงานสานเสียงพิณ ศิลปะ ดนตรี และบทกวีจากเพื่อนน้าหว่อง เพื่อรำลึกถึงมิตรภาพ กำลังใจยามเจ็บป่วยจากเหล่าคนในวงการ ซึ่งอาการที่ดีขึ้น มงคล เชื่อว่ามาจากการรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง และได้รับกำลังใจที่ดี
มงคล อุทก สมาชิกวงคาราวาน กล่าวว่า มือชา มือป่วย เล่นพิณไม่ได้ อย่างอื่นเราทำได้อยู่ ไม่ได้คิดอะไร เพราะว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ มันป่วย แต่กำลังใจยังดีอยู่ ดีที่ยังร้องเพลงได้ ผมเคยพูดว่าอยู่ได้เพราะเพื่อน จริงใจกับเพื่อนมาเยอะ ช่วยเหลือสังคมกับคาราวาน บุญตรงนั้นมาช่วยเรา
นพพล โกมารชุน เพื่อนศิลปิน กล่าวว่า น้าหว่องถือเป็นบุคลากรที่สำคัญต่อวงการเพลงไทย น้าหว่องเป็นศิลปินที่มีความสามารถสูงมาก แล้วทำไมจะปล่อยให้นักดนตรีคนหนึ่งนอนอยู่กับบ้าน ทำอะไรไม่ได้ เพราะลิ้นแข็งไปหมดแล้ว และถ้าวันหนึ่งน้าหว่องสามารถกลับมาจับไมค์ จับเครื่องดนตรีอีกครั้ง ตรงนี้เราได้ทำสำเร็จแล้วในการให้กำลังใจกันและกัน
ภาพพิณ ภาพอบสมุนไพร และภาพมือ เป็นภาพวาดสีน้ำมันกว่า 10 ภาพ ที่หว่อง คาราวาน เขียนขึ้นระหว่างการ รักษาตัว และยังใช้มือได้ไม่ถนัดนัก ซึ่งเจ้าตัวต้องการสะท้อนความเชื่อที่มีต่อพลังของความดีที่มาจากมือของแต่ละคน นำมาแสดงในงาน พร้อมกับภาพจิตรกรรมหลากหลายของเพื่อนศิลปิน เช่น สุรชัย จันทิมาธร, ทวี รัชนีกร, ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ที่สร้างสรรค์จากเทคนิคพิเศษต่างๆ อีกเกือบ 40 ภาพ นอกจากจัดแสดงเพื่อสื่อความงดงามของศิลปะเชิงสร้างสรรค์นำแรงบันดาลใจที่ดีมาสู่ผู้ชมแล้ว ยังจะนำรายได้มอบเป็นทุนรักษาพยาบาลให้กับหว่อง คาราวาน ด้วย จัดแสดงผลงานถึงวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ที่ร้านแซ็กโซโฟน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ