ชี้กิจการ"เอสเอ็มอี" เดือนเม.ย. 2556 ส่งออก - จัดตั้งกิจการใหม่"หดตัว"

เศรษฐกิจ
18 มิ.ย. 56
11:39
41
Logo Thai PBS
ชี้กิจการ"เอสเอ็มอี" เดือนเม.ย. 2556 ส่งออก - จัดตั้งกิจการใหม่"หดตัว"

สสว. เผยสถานการณ์เอสเอ็มอี ส่งออก 140,196 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 3.78 ตลาดใหญ่ยังคงอยู่ที่จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ส่วนเอเชียมีอินโดนีเซียและมาเลเซีย เป็นตลาดหลัก ด้านจัดตั้งกิจการใหม่มีจำนวน 4,781 ราย โดยมีกลุ่มก่อสร้างทั่วไป บริการนันทนาการ และอสังหาฯครองแชมป์

 นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงสถานการณ์เอสเอ็มอีประจำเดือนเมษายน 2556 ว่า ในด้านการส่งออกและนำเข้าของอ พบว่า ขาดดุลการค้าคิดเป็นมูลค่า 49,609.02 ล้านบาท เช่นเดียวกับเดือนมีนาคม 2556 ที่ขาดดุลการค้าคิดเป็นมูลค่า 30,789.31 ล้านบาท   

 
โดยตัวเลขการส่งออกของเอสเอ็มอี มีมูลค่า 140,196.35 ล้านบาท หดตัวลงเล็กน้อยจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 3.78 และหดตัวลงจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 16.7 ซึ่งการส่งออกของเอสเอ็มอี คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.70 ต่อการส่งออกรวมของประเทศ สำหรับตลาดหลักในการส่งออกของเอสเอ็มอี ได้แก่ จีน รองลงมาคือ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ส่วนตลาดสำคัญที่มีการขยายตัวของการส่งออกสูง ได้แก่ ออสเตรเลีย พม่า และเวียดนาม สินค้าสำคัญที่มีการขยายตัวของการส่งออกสูง ได้แก่ พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ ยางและของที่ทำด้วยยาง   
 
ส่วนการนำเข้าของเอสเอ็มอี มีมูลค่า 189,805.37 ล้านบาท หดตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2.17 และหดตัวลงจากเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 16.7 โดยมูลค่าการนำเข้าของเอสเอ็มอี คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29.90 ของมูลค่าการนำเข้ารวมทั้งประเทศ ตลาดที่เอสเอ็มอีไทย มีการนำเข้าสินค้ามากที่สุด คือ จีน รองลงมาคือ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย ตามลำดับ สินค้าที่นำเข้ามากที่สุด คือ อัญมณีและเครื่องประดับ รองลงมาคือ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เหล็กและเหล็กกล้า พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก ตามลำดับ 
 
ด้านการจัดตั้งและยกเลิกกิจการของเอสเอ็มอี ในเดือนเมษายน 2556 พบว่า มีกิจการที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 4,781 ราย ขยายตัวจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 18 แต่หดตัวจากเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 16 ประเภทกิจการที่มีการจัดตั้งสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป บริการนันทนาการ และอสังหาริมทรัพย์   
 
ส่วนการยกเลิกกิจการ มีจำนวนทั้งสิ้น 697 ราย หดตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 12 และหดตัวลงจากเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 16 ประเภทกิจการที่มีการยกเลิกมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดก่อสร้างอาคารทั่วไป บริการนันทนาการ และอสังหาริมทรัพย์ 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง