แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจด้านการเงิน และอสังหาริมทรัพย์เป็นการกระทำโดยรัฐหรือไม่ แต่ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ตั้งข้อสังเกตว่าการให้เหตุผล และน้ำหนักการเสียชีวิตนายเอกยุทธ ว่ามาจากเรื่องชิงทรัพย์ นั้นเป็นเรื่องที่ตำรวจด่วนสรุปเกินไป
สอดคล้องกับการแสดงความคิดเห็นของนางอังคณา นีละไพจิตร ผู้เสียหาย ที่เชื่อว่าสามีของเธอ คือทนายสมชาย นีละไพจิตร ถูกเจ้าหน้าที่รัฐอุ้มฆ่าเช่นกัน แต่ในกรณีของนายเอกยุทธ ที่มีทรัพย์สินอาจเป็นตัวเบี่ยงเบนความสนใจไปที่การชิงทรัพย์ ต่างจากกรณีนายสมชาย
ไม่เพียงแต่ประเด็นการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ ที่ถูกนำมาพูดถึงในวงเสวนา วิชาการ เรื่องอุ้มฆ่า กับการก่ออาชญากรรมโดยรัฐ ยังหยิบยกประเด็นของรัฐตำรวจ กรณีการถูกละเมิด จากการทำหน้าที่ของตำรวจ การติดตามคดี รวมไปถึงการหาพยานหลักฐานที่ขาดความน่าเชื่อถือ
คดีตำรวจนครบาลบางชันสกัดจับยาเสพติด และยิงเข้าไปในรถตู้ ทำให้ ด.ช.จักรพันธ์ ศรีสะอาด หรือ น้องฟลุ๊ค เสียชีวิต แม้ศาลจะมีคำพิพากษา แต่คดีนี้ไม่มีการพูดถึง หรือติดตาม นางพรวิภา เกิดรุ่งเรือง มารดา ของน้องฟลุ๊ค ที่หายไป และเชื่อว่าน่าจะเกิดจากการอุ้มฆ่าโดยรัฐในช่วงปราบปรามยาเสพติด กรณีดังกล่าวถูกนำมายกตัวอย่าง ประกอบผลการศึกษา การบังคับบุคคลให้สูญหายในประเทศไทย ที่พบรูปแบบ 2 ประการ คือนอกจากนโยบายปราบปรามยาเสพติด ยังรวมไปถึงนโยบายปราบปรามการก่อการร้าย
ยังมีคดีอื่นๆ อีกกว่า 3,000 คดีที่เกี่ยวข้อง และยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จนถึงขั้นพิจารณาลงโทษผู้กระทำความผิด ซึ่งในวงเสวนามองว่าการบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นปรากฏการณ์ของการใช้ความรุนแรงของรัฐไทย เพื่อปราบปรามความเห็นต่าง หรือเพื่อกำจัดผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นการกระทำนอกเหนือหลักนิติธรรม