พื้นที่หมอกควันข้ามแดนภาคใต้คุณภาพอากาศยังปลอดภัย เหนือ-อีสานยังมีฝน
จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่าตั้งแต่ปี 2540 พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างของไทย จะประสบกับปัญหาหมอกควันข้ามแดนเป็นประจำทุกปี ในช่วงเดือนมิถุนายน - กันยายน ซึ่งก็คือในช่วงนี้
สาเหตุหลักนั้นมาจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีการทำการเกษตรที่ใช้วิธีปรับพื้นที่ด้วยการเผา โดยเฉพาะบนเกาะสุมาตราและเกาะบอร์เนียว ซึ่งในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม - ตุลาคม เป็นช่วงฤดูแล้งของพื้นที่บริเวณคาบสมุทรมาเลเซีย สิงคโปร์ สุมาตรา และบอร์เนียวของอินโดนีเซีย ถ้าเกิดภัยแล้งบริเวณนี้นาน ก็ทำให้หมอกควันจากการเผากระจายครอบคลุมบริเวณนี้ รวมถึงภาคใต้ของไทย
โดยในช่วงนี้ภาคใต้ได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดจากตอนล่างเข้าสู่ประเทศไทยด้านตะวันตก ทำให้หมอกควันจากเกาะสุมาตราถูกพัดมาปกคลุมภาคใต้ตอนล่างของไทย
กรมควบคุมมลพิษมีการเฝ้าระวังสถานการณ์คุณภาพอากาศ โดยมีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง 5 สถานี ใน 5 จังหวัด
จากการตรวจวัดเมื่อวานนี้พบว่า คุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง และค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (พีเอ็ม) 10 ที่จังหวัดยะลา วัดได้ 55.25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนที่จังหวัดนราธิวาส วัดได้ 101.67 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งไม่เกิน 120 แสดงว่ายังไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
แต่ปัญหาหมอกควันในภาคใต้ ก็มีผลกระทบต่อทัศนวิสัยบนท้องถนน และในทะเล ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้ และทางที่ดีถ้ามีหมอกควันจัดก็ไม่ควรออกจากบ้านหากไม่จำเป็น
ภาพต่อไปนี้คือแบบจำลองของญี่ปุ่นที่คาดการณ์การเคลื่อนที่ของละอองลอยที่เป็นมลพิษในอากาศ แถบสีนี้คือความรุนแรงของละอองลอยที่เป็นมลพิษในอากาศสีชมพูคือมีความรุนแรงมาก โดยในวันนี้จะเห็นได้ว่า ละอองลอยที่เป็นมลพิษ เคลื่อนที่ขึ้นมาจากทางใต้ ซึ่งเป็นเกาะสุมาตรา เข้าครอบคลุมพื้นที่สิงคโปร์และมาเลเซีย และจะเห็นได้ว่ามีบางส่วนซึ่งเป็นสีเหลืองและชมพูเข้ามาบริเวณภาคใต้ตอนล่างโดยเฉพาะบริเวณชายแดน จังหวัดนราธิวาส และยะลา ดังนั้นวันนี้ต้องระวังสถานการณ์หมอกควันอย่างมากสำหรับภาคใต้ตอนล่าง ถ้าเป็นไปตามแบบจำลองจริง จะส่งผลต่อสุขภาพได้
ส่วนสภาพอากาศในวันนี้ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนลดลง เพราะมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังอ่อนลง คลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยก็อ่อนกำลังลงด้วย ส่วนภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงมีฝนตกแต่ไม่หนักมาก เพราะได้รับอิทธิพลจากหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ซึ่งอ่อนกำลังลงจากพายุเบบินคา