ศอ.รส. มั่นใจคุมสถานการณ์ชุมนุมได้-ผู้ฝ่าฝืนกม.มั่นคงยังไม่ได้ประกันตัว

 

แกนนำกลุ่มเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ (กปท.) เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ชุมนุม ยังคงปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณสวนลุมพินีต่อไป โดยยังไม่มีแนวทางว่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะอื่น เนื่องจากกังวลปัญหาด้านความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุม เบื้องต้นเชื่อว่า จะมีมวลชนเข้าร่วมการชุมนุมมากขึ้น

 

ส่วนกรณีที่ไม่เข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมเวทีผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคลื่อนไหวยังยังหน้าบริเวณอาคารรัฐสภานั้น มีรายงานว่า แกนนำกลุ่ม กปท. เป็นกังวลว่า หากเคลื่อนไหวไปรวมกัน อาจทำให้การชุมนุมไร้แกนนำที่ชัดเจน และยังประเมินว่า การเคลื่อนขบวนเป็นการประเมินที่ผิดพลาด เพราะอาจทำให้้สูญเสียพื้นที่การชุมนุมในขณะนี้ ต่อไปจะรอดูจำนวนมวลชนเข้ามาสมทบที่สวนลุมพินี ไปจนถึงวันที่ 10 ส.ค.ที่ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จะหมดอายุ จากนั้นจะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง และมีรายงานด้วยว่า ในขณะนี้แกนนำได้พยายามประสานไปยังแนวร่วมในต่างจังหวัดให้เข้าร่วมชุมนุมให้มากที่สุด

    

 

 

ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ขอให้กลุ่ม นปช.ทั่วประเทศ ติดตามสถานการณ์อยู่ในที่ตั้งอย่างใกล้ชิดไม่ประมาท ขณะเดียวกัน เชื่อว่า กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ เนื่องจากมีมวลชนไม่มากนัก

 

ส่วนกรณีที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช.เตรียมทำหนังสือชี้แจงถึงยูเอ็นเอชซีอาร์ และฮิวแมนไรท์วอชท์ เกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เห็นว่า หน่วยงานดังกล่าวรับรู้ถึงเหตุการณ์ในเมืองไทยเป็นอย่างดี ในช่วงปี 2553 ที่ผ่านมา และหน่วยงานดังกล่าวไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศด้วย

 

กรณีนี้ นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่ม กปท. ระบุว่า กปท.ไม่มีความต้องการล้มรัฐบาล แต่ต้องการล้มระบอบทักษิณ ดังนั้น นายจตุพร ควรหยุดเป็นทาสของระบอบทักษิณ และควรหันหน้ามาช่วยประชาชนนำประเทศให้ก้าวผ่านจุดนี้ไปให้ได้ 

    

 

 

ส่วนการควบคุมการชุมนุม ซึ่งมีการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม ที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 กรณีพยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจ บริเวณแยกราชวิถี ถนนราชวิถี ตัดถนนพระราม 5 ที่มี ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือ ผู้กองปูเค็ม, นายนันทพงษ์ แซ่เจ็ง, นายปิยวัฒน์ เปรี้ยวขำ, นายนนทกร ฉายศร และ นายทองหล่อ นิดทอง

 

เบื้องต้นมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ยังคงทำการสอบสวน พร้อมควบคุมตัวอยู่ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 จ.ปทุมธานี พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหา ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ซึ่งมีรายงานด้วยว่า น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ ได้เดินทางไปเพื่อจะยื่นเรื่องประกันตัว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ประกัน ส่วนการส่งฟ้องนั้น ตำรวจจะคุมตัวไปส่งฟ้องที่ศาลแขวงดุสิต

 

ส่วนกรณีที่นายขวัญชัย ไพรพนา แต่งเครื่องแบบตำรวจ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบชุดที่สวมใส่ว่า เป็นเครื่องแบบตำรวจจริงหรือไม่ ซึ่งหากพบว่า หากเป็นเครื่องแบบจริง ก็จะมีความผิดตามกฎหมายอาญา

    

ศอ.รส.ประเมินการรับมือม็อบ มั่นใจคุมสถานการณ์ได้

 

สำหรับภาพรวมการประเมินสถานการณ์ของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส. แถลงว่า สถานการณ์การชุมนุมเป็นไปด้วยดี ศอ.รส.ขอบคุณผู้ชุมนุมทุกฝ่าย โดยเฉพาะ ส.ส.ฝ่ายค้านที่รับการเจรจาและยินยอมด้วยดี ไม่นำมวลชนเข้าในพื้นที่หวงห้าม

 

สำหรับความคืบหน้าการยื่นขอเพิกถอนประกันตัวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ติดเงื่อนไขการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวของศาล ล่าสุด พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ได้มีหนังสือถึงอธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา รายงานพฤติกรรมของจำเลยในคดีอาญา 2 ราย ซึ่งมีพฤติการณ์ที่อาจฝ่าฝืนเงื่อนไขการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ได้แก่ นายไทกร พลสุวรรณ และนายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ

 

ส่วนการจัดการจราจร พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กองบังคับการตำรวจจราจร ได้รายงานว่า โรงเรียนหลายแห่งในย่านดังกล่าวมีการประกาศปิดเพิ่มเติม แต่ศอ.รส.ยังมีความเป็นห่วงในเรื่องการนำ ส.ส.เข้า-ออกจากพื้นที่ เพื่อประชุมสภาฯ แต่ก็ได้มีการผ่อนปรนโดยแยกราชวิถีจากเดิมที่มีการปิดการจราจรทุกด้านล่าสุดก็ได้มีการเส้นทางด้านถ.พระราม 5 ทั้งหมดแล้ว แต่ในส่วน ถ.ราชวิถี ช่วงตั้งแต่แยกราชวิถีถึงแยกการเรือน ยังคงมีความจำเป็นต้องปิดการจราจรอยู่