จ.พิจิตร เตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วรับมือน้ำท่วม

ฝนที่ยังคงตกหนักในหลายพื้นที่ ทำให้ระดับน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง ขณะที่ จ.พิจิตร เจ้าหน้าที่กู้ภัยประจำการช่วยเหลือผู้ประสบภัย

เจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดเคลื่อนที่เร็ว นำเรือท้องแบน เข้าประจำการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ใน อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร หลังสถานการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย เนื่องจากเป็นพื้นที่ราบต่ำ ต้องรับน้ำที่ระบายลงมาจากด้านบน ขณะที่แม่น้ำน่านยังมีระดับสูงขึ้นจนใกล้ล้นตลิ่ง

ขณะที่ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก น้ำที่ไหลเข้าท่วมพื้นที่ตำบลวังพิกุลยังคงขยายวงกว้าง ทำให้ชาวบ้านก่อ ต.สมอแคลง อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำ ต้องร้องขอเครื่องจักรเข้าตักผักตบชวาออกจากลำคลองสาธารณะ เพื่อเร่งระบายน้ำ

ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไหลมาบรรจบกับน้ำจากห้วยสำราญ ที่ อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ทำให้ถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่าง อ.เมืองศรีสะเกษ กับ อ.ยางชุมน้อย ถูกน้ำท่วมสูง นอกจากนี้ยังเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรใน อ.ราษีไศล ยางชุมน้อย และกันทรารมย์ เสียหายแล้วกว่า 5,000 ไร่ ถนนถูกตัดขาดหลายเส้นทาง

ที่ จ.บุรีรัมย์ ฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้ระดับน้ำในเขื่อนลำนางรอง อ.โนนดินแดง เพิ่มสูงขึ้นอีก และได้ไหลกัดเซาะตลิ่งที่บ้านโคกเพชร ต.ลำนางรอง พัดเอาบ้านของ นายล้ำ บุญมาก อายุ 66 ปี จมหายไปทั้งหลัง รวมทั้งยุ้งข้าว รถยนต์ รถไถนา รถจักรยานยนต์ และทั้งทรัพย์สินภายในบ้านจมน้ำทั้งหมด ขณะเกิดเหตุคนในบ้านวิ่งหนีออกมาได้ทันจึงไม่มีใครเป็นอันตราย

ส่วนที่ จ.อ่างทอง เจ้าหน้าที่ต้องสนธิกำลัง จัดเวรยามตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อดูแลทรัพย์สิน และความปลอดภัยให้กับชาวบ้าน ต.บ้านแห อ.เมืองอ่างทอง หลังน้ำที่ท่วมสูงทำให้ชาวบ้านต้องอพยพอยู่ริมถนนสายอ่างทอง-ป่าโมกสายเก่าชั่วคราว เช่นเดียวกับอีกหลายพื้นที่เช่นที่ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก ที่ยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำที่ท่วมสูงกว่า 2 เมตรมากว่าครึ่งเดือนแล้ว

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงเย็นที่ผ่านมาทำให้หลายพื้นที่มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น โดยล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สถานีชลมาตร C7A หน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทองอยู่ที่ 8.1 เมตร หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากเขื่อนป่าสักจะระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนเพิ่ม เมื่อมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะทำให้น้ำไหลช้าลง และยกตัวเพิ่มขึ้น พร้อมเตือนผู้ที่อยู่อาศัยริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ต้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน-3 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้ป่วยแล้ว 61,716 คน ผลการตรวจประเมินสุขภาพจิต 3,838 คน พบผู้มีความเครียด 616 คน ในจำนวนนี้มี 217 คน ต้องให้การดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ แต่ยังไม่พบโรคระบาดที่มากับน้ำท่วม นอกจากนี้ได้ส่งยาชุดน้ำท่วมไปยังพื้นที่น้ำท่วมแล้ว 264,000 ชุด สำรองไว้ที่ส่วนกลางอีก 300,000 ชุด