วุฒิสภาพิจารณาร่างพ.ร.บ.กู้เงินฯ 2 ล้านล้าน วันนี้-คาดเสร็จสิ้นใน 22.00 น.

การเมือง
18 พ.ย. 56
03:45
50
Logo Thai PBS
วุฒิสภาพิจารณาร่างพ.ร.บ.กู้เงินฯ 2 ล้านล้าน วันนี้-คาดเสร็จสิ้นใน 22.00 น.

วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ประชุมวุฒิสภา จะมีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท วาระสุดท้าย โดยกำหนดให้พิจารณาแล้วเสร็จภายในเวลา 22.00 น.

นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ส.ว.ชลบุรี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เปิดเผยว่า วันนี้ (18พ.ย.) ที่ประชุมวุฒิสภา จะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท โดยกำหนดให้พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 22.00 น.

 
โดยเบื้องต้นมี ส.ว.ที่สงวนความเห็น และคำแปรญัตติประมาณ 54 คน และกรรมาธิการเสียงข้างมาก เห็นชอบให้แก้ไขในมาตรา 3 ว่าด้วยการกำหนดนิยามของถ้อยคำในกฎหมาย และมาตรา 6 ว่าด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน แต่หากการอภิปรายไม่แล้วเสร็จ ก็อาจจะพิจารณาต่อในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย.) เชื่อว่า บรรยากาศการอภิปรายจะเป็นไปอย่างราบรื่น
 
ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ว่า หลังจากวุฒิสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท วาระสุดท้าย พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความทันที แม้โดยส่วนตัวจะเห็นด้วยกับการลงทุน แต่ยืนยันว่า การกู้นอกระบบงบประมาณเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และ หากศาลยืนยันว่าผิดจริง รัฐบาลก็จะอยู่ไม่ได้ พร้อมระบุว่า รัฐบาลคงจะไม่ยกเลิก การจัดโรดโชว์ของรัฐบาลในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นภาคสุดท้าย ในวันที่ 22 และ 29 พฤศจิกายน นี้
 
ขณะที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม 40 สว. จะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น หากร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ผ่านการพิจารณาว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อความรู้สึกของประชาชน และขัดขวางเรื่องที่เป็นประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งอยากให้หยุดการกระทำนี้ แล้วหันมาทำประโยชน์ ให้สมฐานะ ส.ว.
 
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า หาก ร่าง พ.ร.บ.นี้ เลื่อนออกไป อาจจะกระทบกับแผนการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยล่าช้าออกไป เพราะคาดว่า ภาคส่งออกปีหน้ายังไม่ดีขึ้น และแรงขับเคลื่อนหลักปีหน้าจะมาจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน รวมทั้งภาคท่องเที่ยว
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง